ชัยนาท 18 ต.ค. – รัฐมนตรีเกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา กำชับกรมชลฯ ลดปริมาณน้ำจังหวัดนครสวรค์ที่ล้นตลิ่งเป็นวงกว้าง ขณะเดียวกันต้องลดระดับน้ำที่ท่วมขังพื้นที่นอกคันกั้นน้ำใต้เขื่อนเจ้าพระยา
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์จนถึงพระนครศรีอยุธยา จากนั้นประชุมร่วมกับผู้บริหารกรมชลประทานและจังหวัดที่มีปัญหาน้ำล้นตลิ่ง เพื่อรับฟังข้อมูลและนำไปกำหนดแนวทางเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังและให้ความช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านที่อยู่อาศัย สาธารณสุข และอาชีพ
ส่วนพื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ยังมีปัญหาน้ำล้นตลิ่งเป็นวงกว้าง คือ จังหวัดนครสวรรค์ มีทั้งน้ำเหนือที่ไหลมาและฝนตกหนักในพื้นที่ กรมชลประทานยังคงงดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ อีกทั้งลดปริมาณการระบายของเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน พิษณุโลก จากวันละ 330 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 160 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่นครสวรรค์ทรงตัว 2,869 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ น้ำจากนครสวรรค์ที่ไหลมาจะมีน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังไหลมาสมทบ ซึ่งน้ำจากสะแกกรังขณะนี้มีปริมาณลดลงก่อนเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานได้ทดน้ำเพื่อให้น้ำกระจายเข้าสู่แม่น้ำคูคลองทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ ขณะนี้รับได้วันละ 588 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังสามารถรับเข้าได้อีก 310 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำท้ายเขื่อนไม่เกิน 2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากจังหวัดนครสวรรค์ไม่มีฝนตกเพิ่มและปริมาณน้ำลดลง น้ำที่ท่วมขังอยู่นอกคันกั้นน้ำจังหวัดท้ายเขื่อนลงไปจะค่อย ๆ ลดลงและต่ำกว่าตลิ่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้ย้ำให้กรมชลประทานประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดจนถึงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งฤดูฝนจะผ่านพ้นไป ให้เร่งนำเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำไปยังปากอ่าวเร็วที่สุด ซึ่งทางออกทะเลนั้น กองทัพเรือได้นำเครื่องผลักดันน้ำมาช่วยผลักดันออกทะเลแล้วและหลังจากสัปดาห์นี้จะต้องลดปริมาณการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา.-สำนักข่าวไทย