จัดการจราจรในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

กรุงเทพฯ 13 ต.ค.- บช.น. แจ้งข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตารวจจราจร ว่าด้วยการจัดการจราจร ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ” 


พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รรท.ผบก.จร. ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการจราจรดังนี้ 

เนื่องด้วยสานักพระราชวังได้กาหนดให้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศท้องสนามหลวงในวันที่ 26 ต.ค.60 ประกอบกับมีพระราชพิธีที่เกี่ยวข้องในระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ดังนั้น เพื่อเป็นการปลอดภัยและสะดวกในการจราจร ทางกองบัญชาการตารวจนครบาลจึงได้มีพิจารณาออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรเพื่อรองรับการจัดการจราจรในพระราชพิธีดังกล่าวดังนี้ 


1. ห้ามรถทุกชนิดเดิน ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 

1) ถนนหน้าหับเผย 2) ถนนหลักเมือง 3) ถนนมหาราช 4) ถนนท้ายวัง 5) ถนนเชตุพน 6) ถนนเศรษฐการ 7) ถนนพระพิพิธ 8) ถนนสนามไชย 9) ถนนราชดาเนินใน 10) ถนนพระจันทร์ 11) ถนนหน้าพระธาตุ 12) ถนนหน้าพระลาน 13) ถนนราชินี ตั้งแต่แยกตัดถนนพระอาทิตย์ ถึงแยกผ่านภิภพลีลา 14) ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่วงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถึงแยกสะพานมอญ 15) ถนนกัลยาณไมตรี ตั้งแต่แยกตัดถนนสนามไชย ถึงสะพานช้างโรงสี 16) ซอยสราญรมย์ 

2. ห้ามจอดรถทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 


1) ถนนหน้าหับเผย 2) ถนนหลักเมือง 3) ถนนมหาราช 4) ถนนท้ายวัง 5) ถนนเชตุพน 6) ถนนเศรษฐการ 7) ถนนพระพิพิธ 8) ถนนสนามไชย 9) ถนนพระจันทร์ 10) ถนนหน้าพระธาตุ 11) ถนนหน้าพระลาน 12) ถนนราชินี 13) ถนนอัษฎางค์ 14) ถนนเจริญกรุง 15) ถนนราชดาเนินใน 16) ถนนกัลยาณไมตรี 17) ถนนพระอาทิตย์ 18) ถนนจักรพงษ์ ตั้งแต่แยกบางลาพู ถึงจุดเชื่อมต่อถนนเจ้าฟ้า 19) ถนนเจ้าฟ้า ตั้งแต่แยกตัดถนนจักรพงษ์ ถึงแยกตัดถนนพระอาทิตย์ 20) ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกสะพานขาว ถึงแยกกษัตริย์ศึก 21) ถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อถนนพระอาทิตย์ (ซอยลาพู) ไปถึงแยกบางลาพู 22) ซอยพระยาเพชร 23) ซอยสราญรมย์ 

3. กำหนดให้รถทุกชนิดเดินได้ทางเดียว ตั้งแต่วันที่ ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนพระสุเมรุ จากจุดเชื่อมต่อถนนพระอาทิตย์ (ซอยลาพู) ถึงแยกบางลาพู 

2) ถนนจักรพงษ์ จากแยกบางลาพู ถึงจุดเชื่อมต่อถนนเจ้าฟ้า 

3) ถนนเจ้าฟ้า จากแยกตัดถนนจักรพงษ์ ถึงแยกตัดถนนพระอาทิตย์ 

4) ถนนพระอาทิตย์ จากถนนเจ้าฟ้า (ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) ถึงจุดเชื่อมต่อถนนพระสุเมรุ (ซอยลาพู) 

4. ห้ามรถทุกชนิดเลี้ยวขวา ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนเจริญกรุง ไปทางถนนสนามไชย 2) ถนนจักรพรรดิพงษ์ ไปทางถนนราชดาเนินนอก 

5. ถนนราชดาเนินนอก ตั้งแต่พระลานพระราชวังดุสิต ถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด ระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 และกาหนดให้จัดการจราจร ดังนี้ 

1) ช่องทางคู่ขนานฝั่งทิศตะวันออก (ด้านกองทัพภาคที่ 1) กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉิน และรถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

2) ช่องทางคู่ขนานฝั่งทิศตะวันตก (ด้านกระทรวงศึกษาธิการ) กาหนดให้เป็นทางเดินเท้าสาหรับประชาชน 

6. ถนนราชดาเนินกลาง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา ห้ามรถทุกชนิดเดินและห้ามจอดรถทุกชนิด ระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 และกาหนดให้จัดการจราจร ดังนี้ 

1) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาออก (ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาราชดาเนิน)ติดกับเกาะกลางถนน 2 ช่องจราจร กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉินและรถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

2) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาออก (ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาราชดาเนิน) 

ถัดจากเกาะกลางถนน 2 ช่องจราจร กาหนดให้เป็นทางเดินเท้าสาหรับประชาชน 

7. ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่แยกอรุณอมรินทร์ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา ห้ามรถทุกชนิดเดิน 

และห้ามจอดรถทุกชนิด ระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 และกาหนดให้จัดการจราจร ดังนี้ 

1) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาเข้า (ด้านฝั่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป) ติดกับเกาะกลางถนน 1 ช่องจราจร กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉินและรถที่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

2) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาเข้า (ด้านพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป) ถัดจากช่องทางฉุกเฉินกาหนดให้เป็นทางเดินเท้าสาหรับประชาชน 

3) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศใต้ขาออก (ด้านสนามหลวง) ทุกช่องทางจราจร กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉินและรถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ 

8. เส้นทางขบวนอัญเชิญพระบรมศพฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด ในวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนลูกหลวง 2) ถนนหลานหลวง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกสะพานขาว 3) ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจฯ ถึงแยก พล.1 4) ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการ ถึงแยกวังแดง 5) ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกประชาเกษม ถึงแยกเทวกรรม 6) ถนนจักรพรรดิพงษ์ ตั้งแต่แยกแม้นศรี ถึงแยก จปร. 7) ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ตั้งแต่แยก จปร. ถึงแยกวิสุทธิกษัตริย์ 8) ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกนางเลิ้ง 9) ถนนตะนาว ตั้งแต่ถนนพระสุเมรุ ถึงถนนมหรรณพ (แยกศาลเจ้าพ่อเสือ) 10) ถนนดินสอ ตั้งแต่แยกสะพาน

เฉลิมวันชาติ ถึงแยกตัดถนนมหรรณพ (แยก กทม.) 11) ถนนมหาไชย ตั้งแต่แยกสาราญราษฎร์ ถึงแยกป้อมมหากาฬ 12) ถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่แยกป้อมมหากาฬ ถึงแยกสะพานเฉลิมวันชาติ 13) ถนนราชินี ตั้งแต่แยกปากคลองตลาด ถึงแยกผ่านพิภพลีลา 14) ถนนอัษฎางค์ ตั้งแต่แยกพระพิทักษ์ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา 15) ถนนมหาราช ตั้งแต่แยกพระจันทร์ ถึงแยกปากคลองตลาด 16) ถนนคู่ขนานลอยฟ้า (บรมราชชนนี) ตั้งแต่ทางร่วมสะพานพระราม 8 ถึงทางขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 

9. ถนนกรุงเกษม จากแยกสะพานขาว ถึงแยกกษัตริย์ศึก กาหนดให้รถทุกชนิด เดินได้ทางเดียว ในวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 

10. เส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 

1) ถนนราชินี ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกพระพิทักษ์ 

2) ถนนอัษฎางค์ ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกพระพิทักษ์ 

3) ถนนราชบพิธ 

4) ถนนเฟื่องนคร ตั้งแต่แยกสี่กั๊กพระยาศรี ถึงแยกสี่กั๊กเสาชิงช้า 

5) ซอยพระยาศรี 

11. ถนนที่เชื่อมต่อในเส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่วงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถึงแยกสี่กั๊กพระยาศรี 

2) ถนนบารุงเมือง ตั้งแต่แยกสะพานช้างโรงสี ถึงแยกเสาชิงช้า 

3) ถนนสุขา 1 

4) ถนนสุขา 2 

12. เส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนราชดาเนินกลาง ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ 

2) ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา 

3) ถนนพระสุเมรุ 

4) ถนนบวรนิเวศน์ 

5) ถนนสิบสามห้าง 

6) ถนนบ้านพานถม 

13. ถนนที่เชื่อมต่อในเส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 

1) ถนนตะนาว ตั้งแต่แยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ถึงวงเวียนสิบสามห้าง 

2) ถนนดินสอ ตั้งแต่แยกตัดถนนมหรรณพ (แยก กทม.) ถึงแยกสะพานเฉลิมวันชาติ 

3) ถนนประชาธิปไตย แยกสะพานเฉลิมวันชาติ ถึงแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ 

4) ถนนมหาไชย ตั้งแต่แยกสาราญราษฎร์ ถึงแยกป้อมมหากาฬ 

5) ถนนหลานหลวง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกหลานหลวง 

6) ถนนราชดาเนินนอก ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยก จปร. 

7) ถนนตานี 

8) ถนนข้าวสาร 

9) ซอยดาเนินกลางเหนือ 1233 

10) ซอยรามบุตรี 

11) ซอยไกรสีห์ 

14. ข้อบังคับนี้มิให้ใช้บังคับกับรถ ดังต่อไปนี้

1) รถในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ 

2) รถเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ และรถเจ้าพนักงานตารวจ 

ขณะปฏิบัติหน้าที่ 

3) รถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

จึงขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง เตรียมความพร้อมและสารวจเส้นทางการเดินทางให้ชัดเจน เพื่อจะได้เกิดความสะดวกในการเดินทาง หากต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุจราจร และข้อมูลสภาพจราจรเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือผ่านแอพพลิเคชั่น POLICE I LERT U และWWW.TRAFFICPOLICE.GO.TH.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]