จัดการจราจรในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

กรุงเทพฯ 13 ต.ค.- บช.น. แจ้งข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตารวจจราจร ว่าด้วยการจัดการจราจร ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ” 


พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รรท.ผบก.จร. ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการจราจรดังนี้ 

เนื่องด้วยสานักพระราชวังได้กาหนดให้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศท้องสนามหลวงในวันที่ 26 ต.ค.60 ประกอบกับมีพระราชพิธีที่เกี่ยวข้องในระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ดังนั้น เพื่อเป็นการปลอดภัยและสะดวกในการจราจร ทางกองบัญชาการตารวจนครบาลจึงได้มีพิจารณาออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรเพื่อรองรับการจัดการจราจรในพระราชพิธีดังกล่าวดังนี้ 


1. ห้ามรถทุกชนิดเดิน ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 

1) ถนนหน้าหับเผย 2) ถนนหลักเมือง 3) ถนนมหาราช 4) ถนนท้ายวัง 5) ถนนเชตุพน 6) ถนนเศรษฐการ 7) ถนนพระพิพิธ 8) ถนนสนามไชย 9) ถนนราชดาเนินใน 10) ถนนพระจันทร์ 11) ถนนหน้าพระธาตุ 12) ถนนหน้าพระลาน 13) ถนนราชินี ตั้งแต่แยกตัดถนนพระอาทิตย์ ถึงแยกผ่านภิภพลีลา 14) ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่วงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถึงแยกสะพานมอญ 15) ถนนกัลยาณไมตรี ตั้งแต่แยกตัดถนนสนามไชย ถึงสะพานช้างโรงสี 16) ซอยสราญรมย์ 

2. ห้ามจอดรถทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 


1) ถนนหน้าหับเผย 2) ถนนหลักเมือง 3) ถนนมหาราช 4) ถนนท้ายวัง 5) ถนนเชตุพน 6) ถนนเศรษฐการ 7) ถนนพระพิพิธ 8) ถนนสนามไชย 9) ถนนพระจันทร์ 10) ถนนหน้าพระธาตุ 11) ถนนหน้าพระลาน 12) ถนนราชินี 13) ถนนอัษฎางค์ 14) ถนนเจริญกรุง 15) ถนนราชดาเนินใน 16) ถนนกัลยาณไมตรี 17) ถนนพระอาทิตย์ 18) ถนนจักรพงษ์ ตั้งแต่แยกบางลาพู ถึงจุดเชื่อมต่อถนนเจ้าฟ้า 19) ถนนเจ้าฟ้า ตั้งแต่แยกตัดถนนจักรพงษ์ ถึงแยกตัดถนนพระอาทิตย์ 20) ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกสะพานขาว ถึงแยกกษัตริย์ศึก 21) ถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อถนนพระอาทิตย์ (ซอยลาพู) ไปถึงแยกบางลาพู 22) ซอยพระยาเพชร 23) ซอยสราญรมย์ 

3. กำหนดให้รถทุกชนิดเดินได้ทางเดียว ตั้งแต่วันที่ ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนพระสุเมรุ จากจุดเชื่อมต่อถนนพระอาทิตย์ (ซอยลาพู) ถึงแยกบางลาพู 

2) ถนนจักรพงษ์ จากแยกบางลาพู ถึงจุดเชื่อมต่อถนนเจ้าฟ้า 

3) ถนนเจ้าฟ้า จากแยกตัดถนนจักรพงษ์ ถึงแยกตัดถนนพระอาทิตย์ 

4) ถนนพระอาทิตย์ จากถนนเจ้าฟ้า (ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) ถึงจุดเชื่อมต่อถนนพระสุเมรุ (ซอยลาพู) 

4. ห้ามรถทุกชนิดเลี้ยวขวา ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.60 ถึงวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนเจริญกรุง ไปทางถนนสนามไชย 2) ถนนจักรพรรดิพงษ์ ไปทางถนนราชดาเนินนอก 

5. ถนนราชดาเนินนอก ตั้งแต่พระลานพระราชวังดุสิต ถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด ระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 และกาหนดให้จัดการจราจร ดังนี้ 

1) ช่องทางคู่ขนานฝั่งทิศตะวันออก (ด้านกองทัพภาคที่ 1) กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉิน และรถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

2) ช่องทางคู่ขนานฝั่งทิศตะวันตก (ด้านกระทรวงศึกษาธิการ) กาหนดให้เป็นทางเดินเท้าสาหรับประชาชน 

6. ถนนราชดาเนินกลาง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา ห้ามรถทุกชนิดเดินและห้ามจอดรถทุกชนิด ระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 และกาหนดให้จัดการจราจร ดังนี้ 

1) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาออก (ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาราชดาเนิน)ติดกับเกาะกลางถนน 2 ช่องจราจร กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉินและรถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

2) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาออก (ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาราชดาเนิน) 

ถัดจากเกาะกลางถนน 2 ช่องจราจร กาหนดให้เป็นทางเดินเท้าสาหรับประชาชน 

7. ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่แยกอรุณอมรินทร์ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา ห้ามรถทุกชนิดเดิน 

และห้ามจอดรถทุกชนิด ระหว่างวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 และกาหนดให้จัดการจราจร ดังนี้ 

1) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาเข้า (ด้านฝั่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป) ติดกับเกาะกลางถนน 1 ช่องจราจร กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉินและรถที่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

2) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศเหนือขาเข้า (ด้านพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป) ถัดจากช่องทางฉุกเฉินกาหนดให้เป็นทางเดินเท้าสาหรับประชาชน 

3) ช่องทางเดินรถฝั่งทิศใต้ขาออก (ด้านสนามหลวง) ทุกช่องทางจราจร กาหนดให้เป็นเส้นทางรถฉุกเฉินและรถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ 

8. เส้นทางขบวนอัญเชิญพระบรมศพฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด ในวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนลูกหลวง 2) ถนนหลานหลวง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกสะพานขาว 3) ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจฯ ถึงแยก พล.1 4) ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการ ถึงแยกวังแดง 5) ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกประชาเกษม ถึงแยกเทวกรรม 6) ถนนจักรพรรดิพงษ์ ตั้งแต่แยกแม้นศรี ถึงแยก จปร. 7) ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ตั้งแต่แยก จปร. ถึงแยกวิสุทธิกษัตริย์ 8) ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกนางเลิ้ง 9) ถนนตะนาว ตั้งแต่ถนนพระสุเมรุ ถึงถนนมหรรณพ (แยกศาลเจ้าพ่อเสือ) 10) ถนนดินสอ ตั้งแต่แยกสะพาน

เฉลิมวันชาติ ถึงแยกตัดถนนมหรรณพ (แยก กทม.) 11) ถนนมหาไชย ตั้งแต่แยกสาราญราษฎร์ ถึงแยกป้อมมหากาฬ 12) ถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่แยกป้อมมหากาฬ ถึงแยกสะพานเฉลิมวันชาติ 13) ถนนราชินี ตั้งแต่แยกปากคลองตลาด ถึงแยกผ่านพิภพลีลา 14) ถนนอัษฎางค์ ตั้งแต่แยกพระพิทักษ์ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา 15) ถนนมหาราช ตั้งแต่แยกพระจันทร์ ถึงแยกปากคลองตลาด 16) ถนนคู่ขนานลอยฟ้า (บรมราชชนนี) ตั้งแต่ทางร่วมสะพานพระราม 8 ถึงทางขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 

9. ถนนกรุงเกษม จากแยกสะพานขาว ถึงแยกกษัตริย์ศึก กาหนดให้รถทุกชนิด เดินได้ทางเดียว ในวันที่ 25 ต.ค.60 ถึงวันที่ 26 ต.ค.60 

10. เส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 

1) ถนนราชินี ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกพระพิทักษ์ 

2) ถนนอัษฎางค์ ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกพระพิทักษ์ 

3) ถนนราชบพิธ 

4) ถนนเฟื่องนคร ตั้งแต่แยกสี่กั๊กพระยาศรี ถึงแยกสี่กั๊กเสาชิงช้า 

5) ซอยพระยาศรี 

11. ถนนที่เชื่อมต่อในเส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่วงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ถึงแยกสี่กั๊กพระยาศรี 

2) ถนนบารุงเมือง ตั้งแต่แยกสะพานช้างโรงสี ถึงแยกเสาชิงช้า 

3) ถนนสุขา 1 

4) ถนนสุขา 2 

12. เส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนดังต่อไปนี้ 

1) ถนนราชดาเนินกลาง ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ 

2) ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ ถึงแยกผ่านพิภพลีลา 

3) ถนนพระสุเมรุ 

4) ถนนบวรนิเวศน์ 

5) ถนนสิบสามห้าง 

6) ถนนบ้านพานถม 

13. ถนนที่เชื่อมต่อในเส้นทางขบวนพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารฯ ห้ามรถทุกชนิดเดิน และห้ามจอดรถทุกชนิด บริเวณโดยรอบ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ในวันที่ 29 ต.ค.60 ในถนนและซอยดังต่อไปนี้ 

1) ถนนตะนาว ตั้งแต่แยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ถึงวงเวียนสิบสามห้าง 

2) ถนนดินสอ ตั้งแต่แยกตัดถนนมหรรณพ (แยก กทม.) ถึงแยกสะพานเฉลิมวันชาติ 

3) ถนนประชาธิปไตย แยกสะพานเฉลิมวันชาติ ถึงแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ 

4) ถนนมหาไชย ตั้งแต่แยกสาราญราษฎร์ ถึงแยกป้อมมหากาฬ 

5) ถนนหลานหลวง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกหลานหลวง 

6) ถนนราชดาเนินนอก ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยก จปร. 

7) ถนนตานี 

8) ถนนข้าวสาร 

9) ซอยดาเนินกลางเหนือ 1233 

10) ซอยรามบุตรี 

11) ซอยไกรสีห์ 

14. ข้อบังคับนี้มิให้ใช้บังคับกับรถ ดังต่อไปนี้

1) รถในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ 

2) รถเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ และรถเจ้าพนักงานตารวจ 

ขณะปฏิบัติหน้าที่ 

3) รถที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ 

จึงขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง เตรียมความพร้อมและสารวจเส้นทางการเดินทางให้ชัดเจน เพื่อจะได้เกิดความสะดวกในการเดินทาง หากต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุจราจร และข้อมูลสภาพจราจรเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือผ่านแอพพลิเคชั่น POLICE I LERT U และWWW.TRAFFICPOLICE.GO.TH.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]