สมุทรปราการ 16 พ.ย. – เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาคารโรงงานผลิตรองเท้าที่ไฟไหม้ไม่ได้ เนื่องจากเพลิงปะทุซ้ำ ด้านนายอำเภอบางพลีเตรียมประสานขอรถดับเพลิงกระเช้าเข้าเคลียร์พื้นที่ และยังคงปิดการจราจร
ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตรองเท้า Aerosoft ของบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด ถนนบางนา-ตราด กม.15 ขาออก ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ล่าสุดเช้านี้ (16 พ.ย.) ยังพบว่ามีแสงเพลิงในบางจุดภายในตัวอาคาร และยังคงมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาด้านนออก โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงด้านในตัวอาคาร เนื่องจากมีกองเศษลังกระดาษและวัสดุต่างๆ ภายในจำนวนมากที่ถูกไฟเผาไหม้ทับถมกันอยู่ จึงทำให้เกิดการปะทุของเพลิงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ฝ่ายการผลิตของโรงงานดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด วันนี้ยังคงเปิดให้พนักงานเข้าทำงานตามปกติ มีเพียงบางส่วนที่ต้องหยุดทำงาน ทำให้การจราจรตั้งแต่ช่วงเช้าติดขัดสะสมหลายกิโลเมตร หางแถวเข้าเขตบางนา โดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการสั่งระดมเจ้าหน้าที่จราจรจาก สภ.บางพลี และใกล้เคียง เร่งระบายและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชผู้ใช้เส้นทาง พร้อมทั้งประสานแขวงการทางสมุทรปราการ เปิดจุดเบี่ยงคู่ขนานตัดเข้าเลนในก่อนถึงที่เกิดเหตุ เพื่อปัดรถคู่ขนานให้ใช้เลนหลักแทน
ด้านนายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี ที่ยังอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่เกิดเหตุ และเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า จากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวล่าสุดผ่านมาแล้วกว่า 16 ชั่วโมง พบว่ายังคงมีการปะทุของเพลิงต่อเนื่อง ขณะนี้ร้องขอรถกระเช้าดับเพลิงเข้ามาสนับสนุนในการฉีดน้ำเข้าตัวอาคารในแต่ละชั้น ภาพรวมแม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะวางระบบหัวฉีดภายในตัวอาคารแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถทคุมพื้นที่ได้หมด และเจ้าหน้าที่เข้าไม่ถึงบางจุด เพราะอันตรายจากการทรุดตัวของอาคาร โดยยังคงสั่งการให้เฝ้าระวังสูงสุด
ส่วนการจราจรบนถนนเทพรัตน ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ผ่านจุดเกิดเหตุ ช่องทางคู่ขนานหน้าโรงงานที่เกิดเหตุ ระยะทางประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่ยังคงปิดการจราจรโดยเด็ดขาด และประสานแขวงการทางเปิดจุดเบี่ยงเลนพิเศษชั่วคราว เพื่อเร่งระบายรถ คาดว่าจะต้องปิดการจราจรในจุดดังกล่าวอย่างน้อยอีก 2-3 วัน จนกว่าเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจสอบอาคารและโครงสร้างว่าอยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยต่อผู้ใช้ทางในจุดดังกล่าว จึงขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทางในช่วงนี้
ด้านสาธารณสุขอำเภอบางพลีมีข้อแนะนำสำหรับประชาชนในการป้องกันควันพิษซึ่งเกิดจากสารเคมีบริเวณโรงงาน โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านจนกว่าสภาพอากาศจะดีขึ้น และติดตาม คำสั่งแจ้งอพยพจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ระยะไม่เกิน 1 กม. ควรใส่หน้ากาก N-95 หากอยู่ในบ้านให้ปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด สามารถเปิดพัดลมและเครื่องปรับอากาศได้
ขณะที่โรงพยาบาลบางพลีออกประกาศเตือนประชาชนว่าหากสัมผัสสารเคมีทางดวงตา ให้รีบล้างด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 นาที แล้วรีบพบแพทย์ หากสัมผัสทางผิวหนังให้อาบน้ำล้างตัวด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 นาที และทางการหายใจ หากมีอาการระคายเคือง ไอ หายใจเหนื่อย ควรรีบพบแพทย์ เสื้อผ้าที่มีการสัมผัสหรือปนเปื้อนสารเคมี ให้แยกทำความสะอาด หากปนเปื้อนปริมาณมากควรทิ้งทันที หากมีเศษฝุ่นหรือเขม่าควันตกตามที่พักอาศัย ให้ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดจนสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้ที่ดูดฝุ่น เนื่องจากทำให้ฟุ้งกระจายมากขึ้น ถ้ามีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหืด โรคหัวใจ ควรเฝ้าระวังอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ถ้ามีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว ควรรีบไปพบแพทย์
ด้านนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ ย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ ตนและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นทราบว่าเป็นเหตุเพลิงไหม้โชว์รูมสินค้า ไม่ได้ลุกลามไปในส่วนของโรงงานผลิต ไม่พบการเผาไหม้ของสารเคมีอันตราย ที่ไหม้เป็นสตอกสินค้าบางส่วนในโชว์รูมเท่านั้น โดยสามารถควบคุมเพลิงได้ตั้งแต่เวลา 22.45 น. แต่ยังต้องระวังการประทุที่อาจขึ้นได้ตลอดทั้งคืน เบื้องต้นสาเหตุคาดว่าเหตุเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมืออย่างดี พร้อมรับผิดชอบในทุกความเสียหาย และยังได้ฝากขออภัยต่อพี่น้องประชาชนที่ต้องสัญจรไปมา
ทั้งนี้ เลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทั้งในส่วนจังหวัด อำเภอ อบจ. อบต. เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ตลอดจนอาสาสมัครที่เข้ามาระงับเหตุ
เลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้กำชับให้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนให้จัดส่งรถตรวจมลพิษเข้าตรวจสภาพอากาศ น้ำ และกากที่เหลืออยู่ รวมถึงส่งวิศวกรเพื่อประเมินผลกระทบต่อโรงงานและกระบวนการผลิตต่อไป.-สำนักข่าวไทย
