ภูมิภาค 10 ต.ค.-สถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง ล่าสุด เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำถึงร้อยละ 90 ของความจุ กรมชลประทานต้องเพิ่มการระบายน้ำ เกรงน้ำเต็มเขื่อนภายใน 1 สัปดาห์นี้ หากฝนยังตกชุก
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน สั่งการให้ระบายน้ำท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เพิ่มจากวันละ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะขณะนี้น้ำในเขื่อนมีมากถึงร้อยละ 90 และรับน้ำได้เพียง 96 ล้านลูกบาศก์เมตร หากน้ำไหลเข้าเขื่อนยังมีปริมาณมาก และหากไม่ปรับปริมาณการระบายให้สมดุล เกรงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์น้ำจะเต็มภายใน 1 สัปดาห์ หากฝนยังตกชุก
ส่วนวันที่ 15 ตุลาคม นี้ที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า จะมีฝนตกชุก จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลจาก จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นตามลำดับ และคาดว่าจะมากถึง 3,100 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในอีก 5 วันข้างหน้า กรมชลประทานได้ทดน้ำหน้าเขื่อนให้สูงขึ้น เพื่อผันน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งเหนือเขื่อน และต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนในวันที่ 12 ตุลาคม และคงอัตราไว้ 1 สัปดาห์ ซึ่งหากไม่มีฝนตกเพิ่ม จึงจะลดตามลำดับ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
ส่วนน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและสะแกกรังที่ไหลมารวมกันที่ จ.ชัยนาท เช้านี้ปริมาณน้ำเพิ่มจากเมื่อวาน ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนจาก 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เป็น 2,188 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา สูงขึ้นจนเอ่อเข้าท่วมบ้านกว่า 400 หลังริมตลิ่ง ชาวบ้าน ต.ตลุก เร่งเสริมกระสอบทรายกั้นน้ำ
สภาพพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าที่ว่าการอำเภอป่าโมกหลังเก่า จ.อ่างทอง เช้านี้น้ำทะลุพนังกั้นน้ำ และพื้นเขื่อนเรียงหินกว่า 10 จุด ชาวบ้านป่าโมกหวั่นวิตกว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงกว่าตลิ่งถึง 50 เซนติเมตร จะทะลุรอยต่อพนังคอนกรีตกั้นน้ำ จนไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และบ้านพักข้าราชการ ทำให้ขณะนี้ต้องเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง.-สำนักข่าวไทย