ผู้ว่าธปท. เตือนลงทุนเงินดิจิทัลเสี่ยง

ธปท. 9 ต.ค.  – ผู้ว่าธปท. เตือนลงทุนเงินดิจิทัลมีความเสี่ยง  ต้องศึกษาให้รอบคอบ ไม่ใช่เงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย  พบประชาชนลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ และตราสารหนี้ ไร้เรตติ้ง ลดลง 


นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  หรือ ธปท. กล่าวว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ประชาชนกล้าเสี่ยงที่จะไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนสูงขึ้น  เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ เงินสกุลดิจิทัล ตราสารหนี้ และ ตั๋วสัญญาใช้เงิน            ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ รวมทั้ง อสังหาริมทรัพย์ เพื่อการเก็งกำไร ซึ่งธปท.มีการติดตามมาโดยตลอด และ ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนเป็นระยะ โดยเฉพาะการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล  เช่น วันคอยน์  บิตคอยน์  ประชาชนควรระมัดระวังและศึกษาข้อมูล รายละเอียดให้รอบคอบ เพราะสกุลเงินดิจิทัล ไม่ใช่เงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย และในปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดยอมรับหรือรับรองว่าเงินสกุลดิจิทัลเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย 

ดังนั้นก่อนการลงทุนขอให้ประชาชนศึกษาว่ามีการนำเงินไปลงทุนในผลิตภัณฑ์ สินทรัพย์ประเภทไหน ถึงให้ผลตอบแทนสูงได้  มีหน่วยงานใดเป็นผู้กำกับดูแล เพื่อเข้าใจความเสี่ยง เพราะถ้าเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ราคาต้องมีเสถียรภาพ 


“เราต้องเข้าใจความเสี่ยง ว่าเค้าเอาเงินของเราไปลงทุนอะไร ทำไมถึงให้ผลตอบแทนสูง เราต้องไม่ประมาท ต้องรู้จักประเมินความเสี่ยง ศึกษาด้วยว่ามีหน่วยงานใด  และใครเป็นผู้กำกับดูแล” นายวิรไท กล่าว

นายวิรไท กล่าวว่าที่ผ่านมา ธปท.ได้ร่วมกับกระทรวงคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต. ) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ในการกำกับการลงทุนที่เป็นจุดเปราะบางเหล่านี้  ซึ่งพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น  การลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงลดความร้อนแรงลง  ทั้งขนาดการลงทุนในตราสารหนี้ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือมีมูลค่าลดลง ขนาดสินทรัพย์ในสหกรณ์ออมทรัพย์ก็ลดลงเช่นกัน  เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจและมีความรู้ในการลงทุนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ธปท.มีมาตรการแนวทางการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย 

ส่วนความคืบหน้าการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์  ทั้งการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ และ การใช้คิว อาร์ โค้ด ในการชำระค่าสินค้า และ บริการ นั้น ผู้ว่าการ ธปท.  กล่าวว่ามียอดทำธุรกรรมสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยยอดการโอนเงินผ่านบริการพร้อมเพย์สะสม อยู่ที่  130,000 -140,000  ล้านบาท โดยเฉพาะยอดการโอนเงินพร้อมเพย์ในช่วงสิ้นเดือนที่การใช้สูงมาก  แต่ยังสามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันการทำธุรกรรมอิเลกทรอนิกส์ของไทยน้อยกว่าประเทศสิงคโปร์ถึง  10  เท่าต่อปี .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รับชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เหตุศพไม่อยู่สภาพเดิม

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับชันสูตรศพ ผกก.โจ้ ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ยันดูวงจรปิดไม่พบพิรุธ ยังยิ้มแย้มทักทายผู้ต้องขัง ยกมือไหว้ผู้คุม แต่พบเลือดหยดข้างศพ และแขนซ้ายมีรอยกัดของสัตว์ขนาดเล็ก

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหารช่วยเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหาร พร้อมกำลังพลจิตอาสากองทัพบก เข้าช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอพยพผู้ป่วย จากเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ข่าวแนะนำ

ทลายเครือข่ายเบิกงบซ่อมรถทิพย์ ทุจริตงบ กทม.

คดีการจับกุม 7 เจ้าหน้าที่กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ที่ร่วมกันทุจริตปลอมใบเสนอราคาเบิกเงินซ่อมรถบัส ในชั้นสอบสวนได้ให้การปฏิเสธและได้รับการประกันตัวไป ขณะที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม หลังตำรวจออกมาเผยว่ามีความเกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายที่ถูกตรวจสอบไปก่อนหน้านี้

กระบะตัดหน้ารถไฟ ชนสนั่น ตาย 4 เจ็บ 6

กระบะขนคนงานจับกุ้งกุลาดำ ขับตัดหน้ารถไฟ ก่อนพุ่งชนสนั่น ตายคาที่ 4 ศพ เจ็บระนาวอีก 6 ราย ขณะที่คนขับไร้อาการบาดเจ็บ อ้างไม่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือน ตำรวจคุมตัวตรวจพบฉี่ม่วง เจ้าตัวยอมรับเสพยาบ้า ก่อนแจ้ง 2 ข้อหาหนัก

ผลตรวจดีเอ็นเอ “ผกก.โจ้” ออกแล้ว ส่งให้ สน.ประชาชื่น

ออกแล้ว ผลตรวจผ้าขนหนู คดี “ผกก.โจ้” ไม่พบดีเอ็นเอของบุคคลอื่น เตรียมส่งผลให้พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ดำเนินการต่อ

นายกฯ อารมณ์ดีฮัมเพลง บอก “ผู้ชายคนนั้น” แฟร์ดี

นายกฯ อารมณ์ดีฮัมเพลง บอก “ผู้ชายคนนั้น” แฟร์ดี หลังฝ่ายค้านถอนชื่อ “ทักษิณ” จากญัตติซักฟอก โยนถามผู้รู้เหมาะหรือไม่หากใช้คำว่า “พ่อ” แทน ยันฝ่ายค้านขอ 30 ชม. ก็พร้อม