กรุงเทพฯ 7
ต.ค.-กระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัดรับมือ ปิดซ่อมบำรุงวาล์วก๊าซแหล่งก๊าซเจดีเอ วันที่
28 ต.ค.-3 พ.ย. โรงไฟฟ้าก๊าซฯจะนะ ต้องปิดตาม แต่
ปตท.สำรองเชื้อเพลิงเพียงพอไฟฟ้าไม่ขาดแคลน ส่วนเอ็นจีวีสำรองได้ร้อยละ 70
ของช่วงปกติ
นายนพดล ปิ่นสุภา
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย
(ประเทศไทย) จำกัด หรือทีทีเอ็ม จะทำการซ่อมบำรุงวาล์วบนแท่นผลิตก๊าซ เจดีเอ เอ-18
ระหว่าง 28 ตุลาคม–3 พฤศจิกายน 2560 รวม 7 วัน
โดยเป็นอุปกรณ์ส่วนที่จ่ายก๊าซฯ ไปยังพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
จึงจำเป็นต้องหยุดจ่ายก๊าซฯ เป็นการชั่วคราว ส่งผลต่อโรงไฟฟ้าจะนะ
สถานีก๊าซธรรมชาติหลักจะนะ
และสถานีบริการเอ็นจีวีในพื้นที่ภาคใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม
การผลิตก๊าซธรรมชาติเข้าสู่ระบบท่อส่งก๊าซฯ ฝั่งตะวันออกสามารถดำเนินได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ปตท. ได้ร่วมหารือกับ กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อวางแผนเชื้อเพลิงสำรองให้พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างแล้ว โดย ปตท.
เตรียมจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนสำหรับโรงไฟฟ้าภาคใต้ และเรียกรับก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่น
รวมถึงจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ตลอดระยะเวลาดังกล่าว
สำหรับสถานีบริการเอ็นจีวีในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่ได้รับผลกระทบรวม 15
แห่ง ในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี
ซึ่งมีปริมาณการใช้เอ็นจีวีในช่วงเวลาปกติประมาณ 120 ตันต่อวัน นั้น ปตท. เตรียมแผนขนส่งเอ็นจีวีจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักราชบุรี พร้อมทั้งผลิตเอ็นจีวีสำรองไว้ล่วงหน้า ณ
สถานีก๊าซธรรมชาติหลักจะนะ จังหวัดสงขลา
ซึ่งมีปริมาณเอ็นจีวีที่จัดสรรรองรับในช่วงดังกล่าวได้ทั้งหมด 84 ตันต่อวัน
คิดเป็นร้อยละ 70 ของปริมาณการใช้เอ็นจีวีในช่วงปกติ ซึ่งสำรองก๊าซได้ปริมาณมากกว่าการหยุดซ่อมบำรุงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปตท.
ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถได้รับทราบล่วงหน้าตั้งแต่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา
เพื่อให้ผู้ใช้รถวางแผนการเดินทาง และขอความร่วมมือผู้ใช้รถยนต์ 2 ระบบ
(น้ำมันและก๊าซเอ็นจีวี) โปรดวางแผนการใช้เชื้อเพลิง
“ปตท. ตระหนักถึงความไม่สะดวกที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ใช้พลังงาน จึงเตรียมเปิดศูนย์บริหารจัดการเอ็นจีวี
ในช่วงแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุง
เพื่อติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าการทำงานของทีทีเอ็มและดูแลสถานการณ์การใช้เอ็นจีวีในพื้นที่ในช่วงเวลาดังกล่าวจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดย ปตท.
พร้อมบริหารจัดการอย่างดีที่สุดตามแผนบริหารจัดการที่ได้เตรียมไว้
เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” นายนพดล กล่าวเสริมในตอนท้าย–สำนักข่าวไทย