ศูนย์ฯ สิริกิติ์ 5 ต.ค. – พม.ระบุคนไทยไม่มีบ้านอยู่ 5.6 ล้านครัวเรือน ขณะที่ปีหน้าราคาคอนโดจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-7 ภาคอสังหาฯ หวังมหกรรมบ้านและคอนโดกระตุ้นยอดขายปลายปี
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนไม่มีบ้านประมาณ 5.6 ล้านครัวเรือน ภาครัฐจะใช้แนวทางประชารัฐให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมสร้างที่พักอาศัย โดยภาครัฐควบคุมมาตรฐานการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย พร้อมมีกองทุนและสินเชื่อคอยให้ความช่วยเหลือ การก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ขณะนี้ภาครัฐมีการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดูแลและจะบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้ว เช่น ย่านดินแดง เป็นต้น เอกชนที่เข้าร่วมกับ กคช.จะมีมาตรการจูงใจด้านภาษี โดยจะมีความชัดเจนมากขึ้นปีหน้าในการขับเคลื่อนโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในรูปแบบโครงการประชารัฐ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอาคารชุดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 10 โดยเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการค่อนข้างมากโดยเฉพาะระดับราคาสูง ประกอบกับภาพรวมตลาดทุนของไทยปรับตัวดีขึ้นทำให้มีการซื้อขายคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 390,000-400,000 ล้านบาท ภาพรวมด้านมูลค่าตลาดเติบโตเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 16
ส่วนปีหน้าภาพรวมโครงการพัฒนาอาคารชุดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะเติบโตจากปีนี้ประมาณร้อยละ 5 ส่วน ราคาขายจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5-7 เนื่องจากราคาที่ดินย่านใจกลางธุรกิจ CBD ราคาปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 เช่น ย่านทองหล่อ เอกมัย และสาทร โดยราคามาอยู่ที่ประมาณ 1.3 – 1.5 ล้านบาทต่อตารางเมตร และขณะนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ประกอบการที่ร่วมทุนกับต่างประเทศได้กว้านซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาไว้แล้ว เช่น ที่ดินของสถานทูต เนื่องจากต้นทุนการระดมเงินทุนนั้นต่ำประมาณร้อยละ 2 ต่อปีเท่านั้น และเมื่อมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ๆ จะทำให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปีหน้าโตเพิ่มขึ้น
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ปีนี้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเติบโตไม่เกินร้อยละ 5 เนื่องจากชุดมาตรการส่งเสริมและกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลสิ้นสุด ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้เชื่อว่าจะมีการขายและโอนคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว การส่งออกเริ่มดีขึ้น รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ดีขึ้น ทำให้เกิดการซื้อขายและเก็งกำไรในตลาดอาคารชุดมากขึ้นและขายได้ราคาดี และประเมินว่าช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้จะมีมูลค่าการซื้อขายอาคารชุดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมประมาณ 110,000-130,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ไทยปีหน้า คาดว่าผลจากโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ เริ่มก่อสร้างเสร็จจะส่งผลให้มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดเกิดขึ้นตามแนวทางรถไฟฟ้า และหากพิจารณาภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเทศ คาดว่าจะเติบโตเท่ากับปีนี้ คือ โตระดับประมาณร้อยละ 5 ส่วนราคาบ้านปีหน้าคาดว่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่งแม้ว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มแต่ขึ้นชื่อว่าค่าขนส่งจะยังไม่เพิ่มขึ้นตามทันที รายการที่มีแนวโน้มว่าจะมีการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้นนั้น ก็ยิ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตดีขึ้นตามไปด้วย
นายอดิเรก แสงใสแก้ว ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด กล่าวว่า ครึ่งปีหลังยังเป็นโอกาสดีของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยและนักลงทุน นอกจากผู้ประกอบการต้องการระบายสตอกสินค้ายังแข่งขันกันเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง และออกโปรโมชั่นจูงใจลูกค้า ขณะที่ธนาคารตรึงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปลายปีนี้ ดังนั้น สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ได้ร่วมกันจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2560 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อโค้งสุดท้าย โดยมีกว่า 1,000 โครงการจากผู้ประกอบการรายเล็กถึงรายใหญ่นำเสนอสินค้าทุกประเภท ทั้งคอนโด บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม รีสอร์ท สนามกอล์ฟ ตลอดจนที่ดินเปล่า บ้านมือสองและบ้าน NPA แบ่งเป็นโครงการแนวสูงร้อยละ 60 และแนวราบร้อยละ 40 โดยคาดว่าจะมีคนร่วมงานกว่า 100,000 คน และมียอดขายในงานกว่า 4,000 ล้านบาท และมียอดขายต่อเนื่องตามหลังงานอีก 3-4 เท่าตัว รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท.- สำนักข่าวไทย