กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – รองนายกฯสมคิด พอใจผลปฎิรูปหลายด้าน ทำให้ WEF ขยับอันดับไทยจาก 34 เพิ่มเป็น 32 ของโลก มั่นใจจีดีพีไตรมาส 3 โตกว่าร้อยละ 3.7
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการประจำปี ACMA Business Forum 2017 หัวข้อ “Reinventing Business, Reshaping Thailand” จัดโดยสมาคมนักศึกษาวิทยาลัยตลาดทุน นายสมคิด กล่าวย้ำว่า สภาเศรษฐกิจโลก (WEF: World Economic Forum) ประจำปี 2017 -2018 ได้ประกาศผลการจัดอันดับของประเทศไทยในวันนี้ ด้วยการประกาศปรับเพิ่มอันดับการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจจาก ขยับอันดับไทยจาก 34 เพิ่มเป็น 32 ของโลก จากทั้งหมด 130 ประเทศทั่วโลกสมาชิกของธนาคารโลก ปัจจัยดังกล่าวเป็นพื้นฐานจากข้อมูลด้านจีดีพีของไทยปรับเพิ่มจากอันดับ 13 เพิ่มเป็นอันดับ 9 นับว่าปัจจัยจีดีพีเพิ่มถึง 4 อันดับ ขณะที่การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานขยับเพิ่มถึง 4 อันดับ เมื่อองค์กรระดับโลกปรับเพิ่มฐานะของไทยจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับเวทีโลก
ขณะที่มาเลเซียเร่งพัฒนาหลายด้านจนทำให้อันดับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เมื่อการแข่งขันรุนแรง ไทยจึงเร่งสร้างความเชื่อมั่น การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล โดยเฉพาะแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เมื่อนายกรัฐมนตรีออกโรงส่งเสริมอย่างเต็มที่ ในการเร่งรัดทุกอย่างให้คืบหน้า จึงทำให้ทัพนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขขยายการลงทุน เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้รัฐบาลยังต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นเกิดขึ้นกับระดับรายย่อย เพื่อมุ่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลจึงต้องสร้างกำลังซื้อในชุมชน ผ่านเศรษฐกิจฐานราก การท่องเที่ยวชุมชน การพัฒนาสินค้าหลากหลาย เพื่อสร้างกำลังซื้อให้กับชุมชน เมื่อทุกคนเกิดความเชื่อมั่นแล้ว จะกล้าตัดสินใจบริโภคและขยายการลงทุน เมื่อการพัฒฒนา EEC เร่ิมชัดเจนคืบหน้าไปมาก จากนี้ไปจึงเร่ิมหันไปดูการพัฒนาเศรษกิจชุมชนในภูมิภาค
“เมื่อภาคการเมืองกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจได้ดี จะสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน ประชาชนบริคโภคเติม ส่งผลให้ จีดีพีไตรมาส 3 น่าจะดีกว่าไตรมาส 2 และมองว่า ADB คาดว่าการณ์จีดีพีของไทยในปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.5 มองว่าน้อยไป จึงต้องการให้ทั้ง สศช. ธปท. ทบทวนดูหลายปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ทั้งการส่งออก การลงทุนภาครัฐ ดัชนีตลาดหุ้นไทย งบประมาณภาครัฐเริ่มออกสู่ระบบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จึงเชื่อมองว่าจีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 3.7 เพราะขณะนี้แรงขับเคลื่อนดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยการเมืองมองว่าบรรยากาศดีขึ้น เพราะขณะนี้หลายฝ่ายเข้ามาร่วมเป็นกรรมปฎิรูปในหลายด้าน สำหรับการพิจารณาคดีจำนำข้าว เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ” นายสมคิด กล่าว
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าติดตั้งอิเตอร์เน็ตหมู่บ้าน คาดว่าส้ินปีติดตั้งให้ได้ 24,700 หมู่บ้าน และส้ินปี 61 จะครบทั้งหมด 75,000 หมู่บ้าน ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้เท่ากับกรุงเทพฯ ส่งผลให้การค้าขายสินค้าชุมชนผ่านอินเตอร์ กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคได้มากขึ้น สร้างเศรษฐกิจภูมิภาคให้เข้มแข็ง ผ่านนโยบายเน็ตประชารัฐ เพื่อเป็นช่องทางขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจยุคดิจิตอล.- สำนักข่าวไทย