กรุงเทพฯ 26 ก.ย. – คลังยืนยัน 5 แบงก์ใหญ่สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง ติงแบงก์ไม่ควรแนะนำลูกค้าปรับสัดส่วนเงินฝากเพื่อเลี่ยงภาษี
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศให้ธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง ดำเนินการด้วยความรัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ หรือ D-SIBs ที่กำหนดให้ปี 2563 ธนาคารต้องดำรงเงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มจากอัตราส่วนเงินกองทุกขั้นต่ำอีกร้อยละ 1 ว่าการออกประกาศดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ ธปท.ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ไทยมีมาตรฐานการดำเนินงานเช่นเดียวกับนานาชาติ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ทั้ง 5 แห่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะมีผลประกอบการสูงมาก โดยที่ผ่านมามีอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS retro มากกว่าที่กำหนดอยู่แล้ว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทย จึงยืนยันว่าธนาคารพาณิชย์ทั้ง 5 แห่งไม่ได้มีปัญหาด้านสถานะทางการเงิน และไม่มีนัยยะสำคัญที่ต้องดูแลเป็นการเฉพาะ แต่เป็นการประกาศตามมาตรฐานเท่านั้น
ส่วนกรณีมีข้อมูลว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กแนะนำให้ลูกค้าปรับสัดส่วนเงินฝากเพื่อเลี่ยงการเสียภาษีนั้น ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนเข้าไปดำเนินการอบรมให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับธนาคารพาณิชย์ โดยยืนยันว่าผู้ฝากเงินทุกรายจะต้องเสียภาษีตามกฎหมายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์ไม่ควรแนะนำให้ลูกค้าดำเนินการปรับสัดส่วนบัญชีเงินฝาก
ส่วนการติดตามทรัพย์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แม้ศาลจะมีคำพิพากษาคดีวันพรุ่งนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ถ่ายภาพและรวบรวมข้อมูลทรัพย์ไปบ้างแล้ว.-สำนักข่าวไทย