นนทบุรี 24 ก.ย. – อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุระบายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมทำตามระเบียบทุกประการอย่างรัดกุม เตรียมประกาศระบายข้าว หลังศาลปกครองสูงสุดปลดล็อคเร็ว ๆ นี้
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่ามีข้อพิรุธการระบายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม ว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่บริษัท วีออร์แกนนิก จำกัด ประมูลซื้อข้าวไปทำปุ๋ย โดยคณะทำงานเปิดซองร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏว่ามีคุณสมบัติถูกต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 และเมื่อบริษัทได้รับมอบข้าวที่ซื้อไปแล้วจะต้องนำข้าวที่ซื้อไปทำปุ๋ยตามที่แจ้งไว้ในการประมูล ซึ่งตามเงื่อนไขประกาศประมูลกำหนดไว้ หากปรากฏว่าบริษัทนำข้าวที่ได้จากการประมูลไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ก็เป็นความรับผิดชอบของบริษัทที่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะคู่สัญญาจะเป็นผู้รับผิดชอบบังคับให้เป็นไปตามที่บริษัทต้องรับผิดต่อไป
ส่วนกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ให้ระงับการจำหน่ายข้าวสารในสตอกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 2/2560 และการระงับการทำสัญญาซื้อขายข้าวสารในสตอกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2560 ทำให้สามารถดำเนินการระบายข้าวได้ตามปกตินั้น นางดวงพร กล่าวว่า การระบายข้าวต้องเป็นไปตามขั้นตอน คือ ต้องผ่านการพิจารณาของคณะทำงานระบายข้าวในสตอกของรัฐ และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ตามกรอบที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ให้ความเห็นชอบ ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของกรมฯ เพียงหน่วยงานเดียว และที่ไม่ได้ระบายในทันที เพราะมีข้อร้องเรียนจากเจ้าของคลังบางรายที่มีข้อข้องใจเรื่องการตรวจสอบคุณภาพข้าว รัฐบาลจึงตรวจสอบและได้ข้อมูลชัดเจนว่าการตรวจสอบที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความถูกต้อง อีกทั้งการระบายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคนต้องกำหนดมาตรการและการควบคุม เพราะข้าวที่เตรียมระบายมีปริมาณมาก จึงต้องรอความพร้อมด้านบุคลากรของหน่วยงานปฏิบัติ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าไปในตลาดบริโภค ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการระบายข้าวครั้งต่อไปได้ในไม่ช้า
สำหรับกรณีข้อร้องเรียนคลังสินค้า บจก. เจ อาร์ ดีไบรท์ มอเตอร์อินดัสทรีส์ จังหวัดสงขลา มีข้อเท็จจริงว่าข้าวในคลังดังกล่าวนำออกมาทยอยขายหลายครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม 2557 เดือนมิถุนายน 2559 และเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งผู้ซื้อทุกรายทำสัญญาซื้อขายข้าวกับ อคส.แล้ว แต่มีปัญหาขั้นตอนการรับมอบข้าวระหว่างเจ้าของคลังกับผู้เช่าช่วง ทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถรับมอบข้าวได้ตามสัญญาไม่ใช่ปัญหาปล่อยปละไม่ระบายข้าวในคลังดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่ง อคส.ในฐานะคู่สัญญาเป็นผู้กำกับดูแลอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
“การดำเนินการระบายข้าวในสตอกของรัฐช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ที่คณะกรรมการ นบข.ให้ความเห็นชอบ โดยมีขั้นตอนกระบวนการทำงานและแบ่งความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน จึงยืนยันว่าขั้นตอนการระบายข้าวในส่วนของกรมฯ ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพยายามเร่งรัดการระบายข้าวตามแผนงานและแนวทางการระบายที่คณะกรรมการ นบข.ให้ความเห็นชอบ ด้วยความสุจริตและโปร่งใสมาโดยตลอด” นางดวงพร กล่าว
แหล่งข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศแจ้งว่าข้อกล่าวหาที่ได้มีการตั้งข้อสังเกต คือ บริษัท วีออร์แกนนิก จำกัด มีทุนจดทะเบียนแค่ 1 ล้านบาท แต่มีเงินจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ 6 งวด รวม 313 ล้านบาท เพื่อซื้อข้าว 61,500 ตัน ราคากิโลกรัมละ 5 บาท เพื่อนำไปทำปุ๋ย โดยระบุว่าข้าวดังกล่าวเป็นข้าวดี แต่มีการตั้งหลักเกณฑ์ให้เป็นข้าวเสียและมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการนำเข้าไปเวียนเทียนขายเป็นข้าวดีเข้าสู่ตลาดบริโภค ซึ่งเรื่องนี้คณะทำงานเปิดซองตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวขาดคุณสมบัติ ส่วนการตรวจสอบว่าเป็นข้าวเสียก็มีชุดตรวจสอบ และมีผลยืนยันชัดเจนไม่สามารถมั่วได้ ขณะที่การนำข้าวไปใช้ผิดประเภท อคส.เป็นผู้ตรวจสอบ และล่าสุดได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว .-สำนักข่าวไทย