กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – เอเชียจับมือยุโรปต้านนโยบายกีดกันทางการค้า พร้อมเปิดศักราชใหม่ความร่วมมือสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0
สาธารณรัฐเกาหลีเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) เมื่อวันที่ 21-22 กันยายนที่ผ่านมา ณ กรุงโซล ภายใต้แนวคิดความเชื่อมโยงเอเชีย-ยุโรป ด้วยการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจและผู้แทนระดับสูงจากประเทศในภูมิภาคเอเชียและยุโรปเข้าร่วมกว่า 53 ประเทศ ตลอดจนองค์การระหว่างประเทศ อาทิ องค์การการค้าโลก (WTO) OECD UNIDO และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย เป็นต้น
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซมครั้งนี้จัดห่างจากครั้งก่อนนานกว่า 12 ปี ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายทางการค้า การปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial 4.0) และความต้องการที่จะให้เศรษฐกิจมีการเติบโตควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซมนับว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากมีขนาดเศรษฐกิจ มูลค่าการค้า และจำนวนประชากรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของโลก นอกจากนี้ เอเชียและยุโรปมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างแน่นแฟ้น
นายวินิจฉัย กล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซม ครั้งที่ 7 เน้นหารือ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าและการลงทุน 2.การเสริมสร้างการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ผ่านการเชื่อมโยงทางการค้า การลงทุน โครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และดิจิทัล และ 3.การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ให้ความสำคัญการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ผ่านการพัฒนานวัตกรรม การเพิ่มมูลค่าการผลิต เสริมสร้างศักยภาพเอสเอ็มอีและเศรษฐกิจชุมชนของประเทศ ตลอดจนนำเสนอโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของภูมิภาค ทั้งการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานและคมนาคม และด้านดิจิทัล ผ่านเครือข่ายโทรคมนาคม การรองรับการเติบโตของการค้าผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมูลค่าสูงสาขาต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน แม้อาเซมจะเป็นเวทีที่ดำเนินบนหลักการความสมัครใจ และไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย แต่อาเซมจะเป็นเวทีที่ไทยสามารถผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจสาขาต่าง ๆ ได้ในอนาคต
สำหรับการค้ารวมระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ ASEM มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 284,243.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปี 2559 การค้าไทยกับกลุ่มประเทศ ASEM มีมูลค่า 268,766.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 65.55 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้า 6,165.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปกลุ่มประเทศ ASEM มูลค่า 268,766.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 65.55 ของมูลค่าการส่งออกของไทยและมีมูลค่าลดลงร้อยละ 0.40 โดยปี 2559 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยในกลุ่ม ASEM ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องอัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพาราเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากกลุ่ม ASEM ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า สินแร่โลหะอื่นๆ โลหะและผลิตภัณฑ์ และน้ำมันดิบ ตามลำดับ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย