ตลท. 21 ก.ย. – ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มร้อยละ 19.34 สูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ซีอีโอบริษัทจดทะเบียน คาดการณ์ 6 เดือนหลังลุ้นการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวหนุนจีดีพีให้โตร้อยละ 3-4
นายสันติ กิระนันท์ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและรองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มร้อยละ 19.34 นับว่าขยับขึ้นร้อนแรงเพราะสูงสุดในรอบ 7 เดือน เพราะมุมมองของนักลงทุนทุกกลุ่มมีทิศทางขาขึ้น เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจน ทั้งเงินทุนไหลเข้าหลายประเทศในภูมิภาค ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ดัชนีตลาดหุ้นไทยขยับสูงขึ้น จึงหนุนให้ความเชื่อมั่นดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ นักธุรกิจยังรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 27 กันยายนนี้ โดยตลาดยังคาดการณ์ว่า กนง.อาจคงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 เพราะเงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำ เศรษฐกิจยังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และนักลงทุนยังกังวลความตึงเครียดการเมืองระดับโลกจากเกาหลีเหนือกับสหรัฐบนคาบสมุทรเกาหลี ผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีสุดสัปดาห์นี้ และผลประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่คาดว่าปัจจัยเหล่านี้อาจไม่เปลี่ยนแปลงมาก
นางภากร ปีติธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรฯ ตลท. กล่าวว่า ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ซีอีโอ) ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3-4 แต่ยังรอลุ้นปัจจัยการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงมองว่าภาคอุตสหากรรมมีแนวโน้มดีขึ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ สินค้าอุตสาหกรรม เครื่องดื่ม ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง เครื่องใช้ในครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัวมาก เมื่อมีสัญญาณการลงทุนดีพ้นจุดต่ำสุดแล้วจากนี้ต้องรอดูการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินลงทุนทั้งการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) สนามบิน รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ ท่าเรือ คาดว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ซีอีโอยังกังวลปัจจัยเสี่ยงที่เผชิญจากครึ่งปีแรก ทั้งภาวะเศรษฐกิจและการเมืองโลก กำลังซื้อในประเทศอาจยังไม่ฟื้นตัว เพราะภาระหนี้สินภาคครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง เพราะสูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย แต่เริ่มมีแนวโน้มลดลง จากไตรมาสแรกหนี้สินครัวเรือน 11.48 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,600 ล้านบาท นับว่าภาระหนี้สินลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 และเสถียรภาพการเมืองในประเทศ โดยซีอีโอยังมีมุมมองช่วง 6 เดือนหลังมีแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดว่ารายได้ปีนี้ขยายตัวร้อยละ 6 ขณะที่การขยายการลงทุนทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศยังใช้กำไรสะสม สินเชื่อสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ในประเทศ. – สำนักข่าวไทย