กรุงเทพฯ 13ก.ย.-ทุกประเทศในอาเซียนและจีนตื่นตัวและให้ความร่วมมือที่เข้มแข็งมากขึ้นในการแก้ปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมายข้ามชาติ
ในเวทีการประชุมนานาชาติเพื่อต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย ครั้งที่ 4 ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศในอาเซียนและประเทศจีนรวม 10 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมหารือ โดยแต่ละประเทศได้รายงานสถานการณ์และผลการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาฯ ซึ่งภาพรวมทุกประเทศต่างแสดงเจตจำนงค์ในการร่วมมือแก้ปัญหา มีการวางมาตรการ บังคับใช้กฎหมายภายในประเทศของตนเองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะประเทศที่ปลายทางของการค้าสัตว์ป่าฯ ซึ่งให้ข้อมูลว่ามีสถิติการจับกุมที่เพิ่มขึ้น และพร้อมให้ความร่วมมืออาเซียนทุกรูปแบบ
ตัวแทนของประเทศจีน กล่าวว่า จีนให้ความสำคัญกับการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่า มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และมีการจัดอบรมเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สนามบินในการตรวจสอบการลักลอบส่งสัตว์ป่าผ่านช่องทางสนามบิน ซึ่งจากการตรวจสอบที่เข้มข้นทำให้สามารถจับได้ถึงร้อยละ 70 ขณะที่สถิติในรอบ 10 ปีที่ผ่านมากรมศุลกากรจีน จับกุมการลักลอบค้าสัตว์ป่าได้มากกว่า 11,000 คดี ผู้ต้องหา 12,000 คน ตรวจยึดพืชป่าและผลิตภัณฑ์ของกลาง 240 ตัน และล่าสุดตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีประมาณ 70 คดี ยึดของกลางได้ 20 ตัน
ส่วนการบริโภคงาช้างในจีนลดลงร้อยละ 70 จากการที่มีการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และได้ทำลายงาช้างที่ยึดมาประมาณ 6.1 ตัน โดยผู้แทนจากประเทศจีน ยืนยันว่ารัฐบาลจีนจะให้ความร่วมมือกับต่างประเทศองค์กรต่างๆและอาเซียนในการต่อสู้กับอาชญากรรมค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอย่างเต็มที่
ส่วนผู้แทนจากลาว กล่าวว่า ลาวมีความพยายามจะกำจัดสวนเสือออกไป เพราะอาจมีการลอบเพาะพันธุ์เพื่อจำหน่ายโดยร่วมมือกับเอ็นจีโอเพื่อ ที่จะพัฒนาแผนในการจำกัดสวนเสือ รวมทั้งมีการปิดการค้าขายงาช้างในตลาดด้วย ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถยึด สัตว์ผิดกฎหมายได้ 2,887ตัว
ในส่วนของไทย ผู้แทนไทย เน้นย้ำเรื่องแผนปฎิบัติงานในการปราบปรามงาช้างซึ่งไทยประสบความสำเร็จได้รับการประดับดีขึ้นและไทยจะพยายามมุ่งมั่นในการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าต่อไป.-สำนักข่าวไทย