ไทยเนื้อหอมต่างชาติสนใจลงทุนเออีซี

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – กระทรวงอุตสาหกรรมระบุไทยเนื้อหอมญี่ปุ่นและหลายชาติสนใจติดต่อเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง สัปดาห์หน้า 11-13 ก.ย.เมตินำนักลงทุนญี่ปุ่น 560 ราย ดูลู่ทางลงทุนอีอีซี คาดเริ่มเห็นโครงการลงทุนชัดเจนไตรมาส 3 ส่วน พ.ร.บ.อีอีซี คาดเข้า ครม.ปลายเดือนนี้ 


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยหากพิจารณาในแง่ความน่าสนใจเข้ามาลงทุนแล้ว ถือว่าเป็นประเทศที่เนื้อหอม ฉายแววโอกาสสดใสของการเข้ามาลงทุน จากนโยบายประเทศไทย 4.0 และโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยระหว่างวันที่ 11-13 กันยายนนี้ นายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ประเทศญี่ปุ่นจะนำคณะผู้ประกอบการญี่ปุ่น 560 ราย พร้อมสื่อมวลชน 40 ราย มาดูลู่ทางลงทุนในไทยโดยเฉพาะโครงการอีอีซี และจะเริ่มเห็นโครงการลงทุนจากญี่ปุ่นชัดเจนไตรมาส 3 ปีนี้

สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ นับเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและญี่ปุ่นในโอกาสเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 130 ปีอีกด้วย โดยบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นที่สนใจเข้ามาลงทุนในอีอีซีแล้ว เช่น ฮิตาชิ เป็นต้น และขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานอีอีซี จัดทำแผนชัดเจนถึงความสนใจเข้ามาลงทุนโครงการอีอีซีใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นรายประเทศ รายอุตสาหกรรม และรายชื่อบริษัท เพื่อให้ภาคเอกชนไทยทำงานร่วมกับเอกชนญี่ปุ่นสะดวกขึ้น คาดว่าภายใน 3 สัปดาห์นับจากนี้ไปจะเห็นแผนปฎิบัติการที่ชัดเจน ส่วนความพร้อมด้านกฎหมายรองรับโครงการอีอีซีนั้น ร่าง พ.ร.บ.อีอีซี จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 


ด้านองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพฯ หรือเจโทร กรุงเทพฯ มีผลสำรวจนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย ระบุชัดเจนว่านักลงทุนญี่ปุ่นมีความสนใจมากต่อโครงการอีอีซี บางส่วนมีแผนงานที่จะขยายการลงทุน ส่วนที่ยังไม่ลงทุนในไทยก็สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยต่อไป และอยากได้ข้อมูลชัดเจน ซึ่งรัฐบาลไทยมีความชัดเจนเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลักตามกรอบการลงทุนลักษณะ PPP ปีหน้าจะทราบผู้ที่จะลงทุน 

นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้บรรยากาศการค้า การลงทุนของไทยภาพรวมดีขึ้น สะท้อนจากตัวชี้วัดเศรษฐกิจไทยที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงก่อนหน้านี้ และยังสะท้อนได้จากดัชผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นทางการค้าก็สูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน การเดินทางเข้ามาของคณะนักธุรกิจญี่ปุ่น 560 ราย ถือเป็นกรณีหนึ่งที่สะท้อนความสนใจของนักลงทุนต่อไทย ขณะที่นักลงทุนจากประเทศอื่น ๆ ก็มีคณะเข้ามาหารือและสอบถามการเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกัน เป็นภาพสะท้อนความเชื่อมั่นในบรรยากาศการลงทุนของไทยว่าจะดีขึ้น รวมถึงโอกาสใหม่ ๆ ที่จะตามมา ส่วนเรื่องภาครัฐของไทยนั้น ขณะนี้ไม่เป็นประเด็นอีกต่อไป เนื่องจากมีการเข้ามาติดต่อค้าขายอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าตัวเลขการเข้ามาลงทุนในไทยจะเพิ่มขึ้นแน่นอน  ขอย้ำว่าไทยแววดี ได้รับความสนใจ รวมถึงผู้ประกอบการไทยสนใจอีอีซี หรือลงทุนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในพื่้นที่อื่นเพิ่มขึ้นชัดเจน โอกาสการลงทุนทั่วไทยไม่จำกัดอีอีซี เท่านั้น อีอีซีเป็นพื้นที่หนึ่งเท่านั้นที่รัฐบาลให้การสนับสนุนต่อจากอีสเทิร์นซีบอร์ด ปรับระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยมีมูลค่าเพิ่มสูง 


สำหรับการเดินทางมาดูลู่ทางการลงทุนในอีอีซีของนักธุรกิจญี่ปุ่นที่นำโดยรัฐมนตรีเมติวันที่ 11 กันยายนนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะให้เข้าพบเพื่อรับทราบนโยบายรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ นับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและสามารถสอบถามนโยบายจากนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง 

ส่วนวันที่ 12 กันยายน จะจัดสัมมนาสร้างความเชื่อมโยงทางธุรกิจ โดยฝ่ายไทยเสนอข้อมูลโอกาสความร่วมมือไทยญี่ปุ่นหัวข้อ  “Symposium on Thailand 4.0 towards Connected Industries” โอกาสนี้ รัฐมนตรีเมตินำเสนอมุมมองความร่วมมือญี่ปุ่นกับไทย โดยนำผลการศึกษามาเสนอ นอกจากนี้ ยังมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือที่นำสู่กิจกรรมที่เป็นรูปธรรม เช่น ข้อตกลงระหว่าง KINDANREN, JETRO, JICA SMRJ ที่จะนำไปสู่การหารือแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และมีการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น ที่มีศักยภาพ 300 ราย กับคณะของนักธุรกิจญี่ปุ่น 5 โซน แบ่งเป็นภาคเอกชน 4 โซนได้แก่ โซน Automobiles โซน Electronics โซน Medical & Agricalture, Biotechnology, Food และโซน Service Industries และโซนภาครัฐที่เกี่ยวข้องก้บการลงทุน 

สำหรับการลงนาม MOU & MOI มีทั้งหมด 7 ฉบับ คือ 1.สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) กับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หอการค้าไทยและสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น (JCCI) 2.สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) กับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) 3.กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกับสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ภายใต้แนวคิด (Flex Campus) 4.นิคมอุตสาหกรรมอมตะนครกับบริษัท Hitachi 5.กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) 6.กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กับ องค์การสนับสนุน SMEs แห่งประเทศญี่ปุ่น (SMRJ) 7.กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และบริษัท JC Service Co.,Ltd. ส่วนวันสุดท้าย 13 กันยายน คณะนักธุรกิจญี่ปุ่นจะลงพื้นที่อีอีซี โดยรัฐมนตรีเมตินำคณะลงพื้นที่เอง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

นักวิชาการชี้เลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ใช่ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 47 จังหวัด ขณะนี้รอประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้สมัครที่มีเครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุนได้ชัยชนะหลายจังหวัด แต่นักวิชาการชี้ว่ายังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงผลสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตได้

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ได้ชีวิตใหม่ ไม่สิ้นเคยหวัง เชื่อว่าต้องได้กลับบ้านในสักวัน เผยอยากกินลาบ-ซอยจุ๊

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน หลายประเทศทะลุ 190 AQI

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน “เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย” หลายประเทศทะลุ 190 AQI ส่วนไทย อีก 2 วัน มีลมแรงช่วยพัดฝุ่นกระจายตัวดีขึ้น ด้าน ปภ.ช. สั่งพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) ดีเดย์ ทุกหน่วยทั่วประเทศเคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” ฝ่าฝืนจับสถานเดียว