กทม.5 ก.ย.- ทนายสงกานต์ พาผู้เสียหาย 13 คนที่ถูก”น้ำมนต์”หลอกแต่งงานและร่วมธุรกิจ แจ้งกองปราบเอาผิด เปิดยอดเสียหายสูงสุด 500,000 บาท
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อทำลายชาติ พาผู้เสียหาย 13 คน เข้าร้องทุกข์ต่อพันตำรวจเอกสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม หลังถูกนางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หลอกแต่งงาน ก่อนจะเชิดเงินค่าสินสอดหลบหนี มูลค่าความเสียหายคนละประมาณ 100,000-500,000 บาท
นายไพรัตน์ พึ่งสุข หนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่า ส่วนตัวได้ติดต่อพูดคุยกับนางสาวจริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ ซึ่งขณะนั้นอ้างว่าชื่อนางสาวสร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ ได้ 2 เดือน ก่อนจะตกลงแต่งงานกันโดยพ่อแม่ฝ่ายหญิงเรียกเงินสินสอด 280,000 บาท โดยฝ่ายหญิงช่วยเงินสินสอด 100,000 บาท จึงโอนค่าสินสอดไป 180,000 บาท พร้อมพี่สาวได้ร่วมลงทุนวางเงินมัดจำแผงผลไม้ 120,000 บาท เมื่อแต่งงานเสร็จ นางสาวน้ำมนต์ยังนำรถกระบะไปอีกคัน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนตัวอยากได้ทรัพย์สินคืนและขออย่าทำแบบนี้กับคนอื่นอีก
ขณะที่นายวิพล โพธิ์สุวรรณ ผู้เสียหายอีกคน เปิดเผยว่า รู้จักกับนางสาวจริยาภรณ์ ผ่านทางเฟซบุ๊กมาประมาณ 2 เดือน พูดคุยกันถูกคอ จึงตัดสินใจแต่งงาน โดยยอมรับว่า ต้องการให้นางสาวจริยาภรณ์ มาเป็นภรรยา ซึ่งนางสาวจริยาภรณ์ ยังชักชวนให้ร่วมลงทุนขายผลไม้ ส่วนตัวหลงเชื่อและยอมรับว่า ต้องการร่วมลงทุนเพื่อหวังผลทางธุรกิจจริง
ด้านนายสงกานต์ กล่าวว่า คดีนี้จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ผู้ก่อเหตุคือนางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ โดยจะอ้างตัวต่อครอบครัวฝ่ายชายว่าครอบครัวมีธุรกิจขายผลไม้ในหลายจังหวัด ต้องการให้ครอบครัวฝ่ายชายมาร่วมลงทุนในธุรกิจ โดใช้เวลาติดต่อพูดคุยแต่ละรายประมาณ 1-2 เดือน ก่อนจะตกลงเรื่องสินสอดและโอนค่าสินสอดให้ฝ่ายหญิงที่ขณะนั้นอ้างตัวว่าชื่อ นางสาวสร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ สาเหตุที่ครอบครัวฝ่ายชายเชื่อ เพราะมักพาบุคคลที่อ้างว่าเป็นพ่อแม่ ซึ่งต่อมาทราบชื่อคือนายบุญเลี้ยง บัวใหญ่ และนางสำรอง บัวใหญ่ ไปด้วยทุกครั้ง ทำให้การติดต่อเจรจาทุกครั้ง ทั้งเรื่องสินสอดและเรื่องธุรกิจน่าเชื่อถือ ในส่วนของพ่อแม่นางสาวน้ำมนต์ เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเดินทางไปร่วมงานแต่งด้วยทุกครั้ง ซึ่งจะแจ้งความดำเนินคดีกับนางสางจริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์,นายบุญเลี้ยง บัวใหญ่, นางสำรอง บัวใหญ่ และเจ้าของบัญชี ชื่อนางสาวสร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่นโดยอ้างตนเป็นบุคคลอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งต้องตรวจสอบอีกว่า นางสาวสร้อยเพ็ชร มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดหรือไม่ หากพิสูจน์ได้ว่า เป็นการนำเอกสารนางสาวสร้อยเพ็ชร มาเปิดบัญชีโดยแอบอ้าง ก็จะเพิ่มข้อหา ปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพิ่มแก่กลุ่มผู้ต้องหาด้วย ซึ่งล่าสุดทราบว่ามีผู้เสียหายรายล่าสุดเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด เพิ่มเติมอีกด้วย
พันตำรวจเอกสุวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจจะสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป สำหรับคดีนี้มูลค่าความเสียหาย คือ ผู้เสียหายคนที่ 1 คุณชาติ ปี 2554 ยังไม่ทราบมูลค่าความเสียหาย ,คนที่ 2 นายมนตรี สว่างกาล ถูกหลอกไปแต่งงานที่ คาซารูน่าบางพระ จังหวัดชลบุรี ถูกหลอกเอาเงินสินสอด 100,000 บาท และหลอกร่วมทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 400,000 บาท ปี 2555, คนที่ 3 นายประสาน เทียมแย้ม ถูกหลอกเงินค่าสินสอด 400,000 บาท เหตุเกิดช่วงเดือนพฤศจิกายน 2558, คนที่ 4 นายอนุชิต ประมวล ถูกหลอกแต่งงานที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อ 20 ธันวาคม 2558 สูญเงินสินสอดประมาณ 500,000 บาท, คนที่ 5 นายวิพล โพธิ์สุวรรณ ถูกหลอกแต่งงานที่จังหวัดยโสธร เมื่อปี 2560 สูญสินสอด 600,000 บาท พี่สาวถูกหลอกทำธุรกิจผลไม้ 160,000 บาท} คนที่ 6 นายปรเมศร์ นะโส ถูกหลอกแต่งงานเมื่อมกราคม 2560 สินสอด 200,000 บาท ทองคำน้ำหนัก 1 บาท กรณีนี้เมื่อนายปรเมศร์ ทราบว่านางสาวน้ำมนต์ ไปแต่งงานกับนายวิชิต จึงติดต่อผ่านเฟสบุ๊กเพื่อสอบถามและต่อว่าผ่านทางนางสาวขนิษฐา หอมหวล น้องสาวนายวิชิต แต่น้ำมนต์ให้เหตุผลว่าที่เลือกนายวิชิตเพราะให้สินสอดมากกว่า, คนที่ 7 นายวิชิต หอมหวล ถูกหลอกแต่งงานที่จังหวัดปทุมธานี สินสอด 400,000 บาท, คนที่ 8 นายไพรัตน์ พึ่งสุข ถูกหลอกแต่งงานที่จังหวัดปทุมธานี บ้านเดียวกับนายวิชิต เสียงเงินสินสอด 180,000 บาท รถยนต์กระบะ 1 คัน เงินมัดจำค่าแผงขายผลไม้ 120,000 บาท, คนที่ 9 นายพงษ์ธาริน สินธุนาคินทร์ ถูกหลอกสินสอด 100,000 บาท ทองคำหนัก 2 บาท ถูกหลอกแต่งช่วง สิงหาคมปี 2560 .-สำนักข่าวไทย