สงขลา 2 ก.ย. – “ไซเตส” แกะรอยเส้นทางค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศผู้บริโภค ซึ่งพบการลักลอบใช้เส้นทางบกมากขึ้น ประสานตำรวจสากลและความร่วมมือระดับอาเซียน ร่วมแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ สนธิกำลังกับไซเตส และหน่วยงานความมั่นคง เพิ่มความเข้มงวดตรวจค้นสัมภาระและบุคคล โดยเฉพาะรถยนต์ส่วนตัวจากมาเลเซีย เพื่อสกัดกั้นปราบปรามขบวนการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายและพืชป่าสัตว์ป่าตามบัญชีไซเตส ซึ่งเปลี่ยนมาขนส่งทางบกมากขึ้น โดยเฉพาะตัวลิ่นชวาและลิ่นจีน จากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ที่จะทยอยขนมาพักฝั่งไทยครั้งละไม่กี่ตัว รอจนได้จำนวนมาก 100-200 ตัว จึงเคลื่อนย้ายทางรถยนต์จากภาคใต้ไปอีสาน เพื่อส่งไปยังปลายทางประเทศจีน เวียดนาม ที่นิยมบริโภคและมีความต้องการสูง โดยเฉพาะช่วงปลายปีจะเป็นฤดูของการลักลอบค้าตัวลิ่น
ผ่านจากด่านศุลกากรออกมาบนเส้นทางที่จะเข้าสู่ตัวเมือง ก็มีจุดตรวจเฉพาะกิจคัดกรองอีกชั้น ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จับกุมขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าได้หลายคดี มากสุดคือ ตัวลิ่น 531 ตัว ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพบอบช้ำ เพราะมีการฉีดแป้งเปียกเพิ่มน้ำหนักจนไม่สามารถขับถ่ายได้ และอัดยาชูกำลังระหว่างการขนย้าย ทำให้ตายในที่สุด
ขบวนการค้าสัตว์ป่า มีเครือข่ายซับซ้อน มีการวางแผนตัดตอนของผู้ก่อเหตุไม่ให้รู้ถึงตัวการใหญ่ ทำให้การจับกุมทุกครั้งจึงได้เพียงผู้ก่อเหตุปลายแถวที่ถูกจ้างวานมาเท่านั้น
เจ้าหน้าที่เพิ่มรอบการลาดตระเวนตลอดแนวรั้วชายแดน รวมทั้งช่องทางธรรมชาติ ซึ่งพบร่องรอยการตัดรั้วลวดหนามเป็นช่องทางส่งสิ่งของผิดกฎหมาย และขอความร่วมมือจากมาเลเซียช่วยสอดส่องพื้นที่ ขณะเดียวกันจะใช้ความร่วมมือของกลุ่มอาเซียนและตำรวจสากลร่วมแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
ลิ่น หรือตัวนิ่ม เป็นสัตว์คุ้มครองประเภท 1 ของไซเตส ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด ซึ่งข้อมูลจากองค์กร wildaid ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ลิ่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกลักลอบค้ามากที่สุดในโลก และถูกฆ่ามากถึง 100 ล้านตัว เพียงเพราะความเชื่อว่า มันมีสรรพคุณสามารถรักษาโรคและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้. – สำนักข่าวไทย