สำนักข่าวไทย 25 ส.ค.–แพทย์หู คอ จมูก ย้ำโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ไม่รุนแรงถึงชีวิต โดยเกณฑ์โรค น้ำในหูไม่เท่ากัน จะต้องมี 4 กลุ่มอาการชัด เกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งเวียนศีรษะ เห็นทุกอย่างหมุนรอบไม่น้อยกว่า 20 นาที หรือเป็นนานกว่า 12 ชั่วโมง มีอาการเป็นๆหายๆ อัตราการได้ยินลดลง ไม่พบโรคอื่นแทรก ส่วนสาเหตุมาจากเครียดพักผ่อนน้อย
พญ.ภาณินี จารุศรีพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชา โสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงโรคน้ำในหูไม่เท่า กัน ว่า โรคนี้ไม่ใช่โรคที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต เพียงจะกระทบต่อการดำรง ชีวิตในขณะที่มีอาการป่วย โดยเกณฑ์การป่วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ต้องมี 4 อาการ ได้แก่ 1.เวียนศีรษะ บ้านหมุน เห็นทุกอย่างเคลื่อนไหว ไม่น้อยกว่า 20 นาที หรือในอาการเป็นหนักต้องมากถึงว 12 ชั่วโมง
2. ผลการตรวจการได้ยินของหู พบว่าการได้ยินลดลงในหูข้างใดข้างหนึ่ง ที่มีอาการหรือสองข้าง
3.อาการทางหู เป็นๆหายๆ รวมถึงมีความรู้สึกมีอะไร ดันๆ ภายในหู รวมการได้เสียงในหูข้างเดียว และ4. เมื่อตรวจอาการทางร่างกายอื่นไม่พบสาเหตุ
ทั้งนี้ หากครบทั้ง 4 อาการ จึงจะเรียกน้ำในหูไม่เท่ากัน ความรุนแรงของโรคนี้ แต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีอาการเกิดขึ้น และหายได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง ก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่บางคนก็มีอาการรุนแรง มึน งง เป็นๆหายๆ เป็นเวลานาน ต้องมีการนอนพัก
สำหรับสาเหตุของการอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดจากภาวะความเครียด พักผ่อนน้อย หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารเค็มจัด ทั้งนี้ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการระบุว่าป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน มักมีความเข้าใจผิด ถึงอาการของโรค โดยบางคนพบว่าป่วย เวียนศีรษะก็คิดว่าป่วยบ้านหมุน ทั้งความเป็นจริงแล้วไม่ใช่
ส่วนการรักษามีหลายอย่าง 1.ช่วงที่เวียนหัว บ้านหมุน ต้องทำอย่างไรให้ลดอาการ ให้รับประทานยาแก้เวียนศีรษะ ฉีดยาแก้เวียนศีรษะ ร่วมกับการพักผ่อน ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน 2.ทำให้ความถี่ของโรคให้เกิดน้อยที่สุด การรักษาจะเน้นรับประทานยาเป็นหลัก ร่วมกับการขับปัสสาวะ เนื่องจากมีน้ำในหูชั้นในผิดปกติ เพื่อขับน้ำออกไป หรือใช้การผ่าตัดร่วมในรายที่มีอาการรุนแรง .-สำนักข่าวไทย