โค้งสุดท้าย! “ส.ผู้ผลิตข่าวฯ” เปิดรับผลงานประกวดข่าวออนไลน์หมดเขต 25 ส.ค.นี้

24 ส.ค.- สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ขอเชิญสื่อมวลชนร่วมส่งผลงานข่าวออนไลน์ เข้าร่วมประกวด “รางวัลข่าวดิจิตอลยอดเยี่ยม ประจำปี 2560” (Digital News Excellence Awards 2017) ชิงเงินรางวัลและโล่เกียรติยศใน สาขา รวม 400,000 บาท ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2560 นี้เท่านั้น


กทม. 24 ส.ค. สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ โดยการสนับสนุนในการจัดงานและรางวัลหลักจากบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชนผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น ขอเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมส่งผลงานข่าวออนไลน์เพื่อชิงรางวัล “ข่าวดิจิตอลยอดเยี่ยม ประจำปี 2560” (Digital News Excellence Awards 2017) ครั้งนี้นับเป็นปีที่ ของการจัดการประกวด เพื่อสร้างสรรค์และสนับสนุนการผลิตข่าวดิจิตอลที่มีคุณภาพ บนการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งด้านเทคโนโลยีเนื้อหา รวมถึงรูปแบบการนำเสนอผ่านช่องทางสื่อดิจิตอล โดยในปีนี้ยังได้รับการสนับสนุนรางวัลเสริมจากองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ประเทศไทย และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อีกด้วย



โดยในปีนี้จัดให้มีการประกวดใน ประเภทข่าว ได้แก่

1. ข่าวหรือสารคดีออนไลน์เชิงข่าวเชิงสืบสวนยอดเยี่ยม (Investigative News & News Feature)

2. ข่าวออนไลน์จากประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์ยอดเยี่ยม (News Development from Social Media Agenda) (ที่เป็นการพัฒนาข่าวจากวาระข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์)


3. ข่าวออนไลน์ส่งเสริมสังคมยอดเยี่ยม (Social Development News) (ครอบคลุมข่าวด้านสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข สตรี ฯลฯ)

4. ข่าวออนไลน์ส่งเสริมการศึกษายอดเยี่ยม (Educational Development News)

5. ข่าวออนไลน์ที่นำเสนอในรูปแบบคลิปวีดีโอยอดเยี่ยม (Video Clip News)

6. ข่าวออนไลน์ที่นำเสนอในรูปแบบอินโฟกราฟิกยอดเยี่ยม (Infographic News)

7. ข่าวออนไลน์ส่งเสริมสิทธิเด็กยอดเยี่ยม (Children’s Rights News)

สนับสนุนรางวัลโดย องค์กรยูนิเซฟ (UNICEF)

8. ข่าวออนไลน์ส่งเสริมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทยยอดเยี่ยม (Science, Technology and Innovation in Thailand News)

สนับสนุนรางวัลโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA หรือ สวทช.)

 

รางวัลสำหรับผู้ส่งผลงานเข้าประกวดในแต่ละประเภทข่าวแบ่งเป็น

1. รางวัลชนะเลิศ โล่เกียรติยศ และเงินรางวัล 30,000 บาท

2. รางวัลชมเชย รางวัล โล่เกียรติยศ และเงินรางวัล ๆ ละ 10,000 บาท

 

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมส่งผลงานข่าวออนไลน์เพื่อชิงรางวัลต้องประกอบด้วยคุณสมบัติและเงื่อนไขการส่งผลงานเข้าประกวดมีรายละเอียดดังนี้

 1. ข่าวดิจิตอลที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นผลงานที่ผลิตเองในกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์หรือโดยนักข่าวในองค์กรสื่อที่ได้รับการรับรองจากองค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชน และผลงานนั้นต้องไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่คัดลอกมาจากสื่ออื่นๆ

2. เป็นข่าวดิจิตอลที่เผยแพร่ครั้งแรกในสื่อดิจิตอล (Digital First) ที่ไม่จำกัดรูปแบบของเนื้อหา (ข้อความข่าว ภาพ อินโฟกราฟิก วิดีโอขององค์กรสื่อนั้น ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ สิงหาคม 2559 ถึง 31 กรกฎาคม 2560

 3. เขียนเอกสารประกอบการทำข่าว โดยอธิบายถึงวัตถุประสงค์การเสนอข่าว วิธีการได้มาซึ่งข่าว ขั้นตอน การผลิต และระยะเวลาที่ผลิตจนถึงวันที่เผยแพร่ พร้อมรายงานผลจากการเผยแพร่ เช่น ความคิดเห็นจากผู้อ่าน ผลกระทบของข่าวที่มีต่อสังคม จำนวนผู้เข้าชม หรือรายละเอียดอื่นๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมการ โดยให้มีความยาวไม่เกิน หน้ากระดาษ A4 ทั้งนี้ หากสำนักข่าวที่ต้องการส่งข่าวภาคภาษาอังกฤษเข้าพิจารณา สำนักข่าวนั้นจะต้องแนบเอกสารแปลเนื้อหาข่าวเป็นภาษาไทยเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย

4. ผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องได้รับการรับรองโดยบรรณาธิการของสื่อต้นสังกัดว่าเป็นผลงานของผู้ส่งประกวด จึงจะถือว่าเป็นผลงานที่สมบูรณ์

5. แต่ละองค์กรสื่อสามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ทุกประเภทรางวัล โดยไม่เกิน ข่าวต่อประเภท

6. ส่งใบสมัครตามแบบฟอร์มของสมาคมฯ พร้อมส่งผลงานข่าวดิจิตอลในรูปแบบไฟล์ดิจิตอล (.jpg, .png หรือ .gif) พร้อม URL หรือลิงก์หน้าข่าวที่ส่งเข้าประกวดลิงก์ผลงานข่าวในรูปแบบวีดีโอ,เอกสารประกอบการทำข่าว (ตามข้อ 3.) และเอกสารรับรองจากบรรณาธิการ (ตามข้อ 4.) มาที่ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ อีเมล SONPAssociation@gmail.com ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2560

 สมาคมฯ กำหนดเกณฑ์การตัดสินรางวัล ดังนี้

1. ข่าวที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้บริโภคข่าวสาร จรรโลงสังคม

2. ข่าวมีคุณภาพได้มาตรฐานทางวารสารศาสตร์

3. ข่าวที่ไม่ขัดต่อจริยธรรมวิชาชีพสื่อสารมวลชน หรือหลักกฎหมาย

4. ข่าวที่นำเสนอข่าวมีความครบถ้วนสมบูรณ์

5. ข่าวที่เลือกการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม มีความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เกิดความเข้าใจชัดเจน

ทั้งนี้ คําตัดสินของคณะกรรมการที่สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์แต่งตั้งขึ้น ให้ถือเป็นที่ยุติและคณะกรรมการอาจมีมติ จะไม่มอบรางวัลหนึ่งรางวัลใดในกรณีที่คณะกรรมการฯ เห็นว่าไม่มีผลงานใดที่เหมาะสมจะได้รับรางวัลนั้น

สำหรับสื่อมวลชนที่สนใจสามารถส่งผลงานข่าวออนไลน์เพื่อชิงรางวัลได้แล้วตั้งแต่บัดนี้จนถึง วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2560 นี้เท่านั้น และจะประกาศผลการตัดสินและมอบรางวัลในวันพุธที่ 27 กันยายน 2560 ในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์สามารถ ดาวน์โหลดใบสมัครและรายละเอียดการประกวดได้ที่ www.SONP.or.th และ www.facebook.com/SONPThai สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1700-2601

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]