กระบี่ 21 ส.ค. – ตำรวจเร่งรวบรวมสำนวนคดีสังหารผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง และครอบครัว 8 ศพ ส่งอัยการสั่งฟ้องภายในวันพุธนี้ ขณะที่พ่อตาผู้ใหญ่วรยุทธ ยื่นฟ้องร้องบังฟัตผู้ต้องหา ให้เพิกถอนการทำนิติกรรมอำพราง หลังพบว่าบังฟัตนำที่ดินบ้านหลังเกิดเหตุไปจำนองกับธนาคาร
นายจรีย์ บุตรเติบ และนางอ้าส้า บุตรเติบ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตาและแม่ยายของนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เดินทางมายังศาลจังหวัด หลังทั้งคู่เป็นโจทก์ฟ้องร้องนายซูรีฟัตบ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต ในข้อหาทำนิติกรรมอำพราง หลังตรวจสอบพบว่าบังฟัตได้นำโฉนดที่ดินที่ทั้งคู่นำไปขายฝาก ไปจำนองต่อกับธนาคาร ทำให้ธนาคารเตรียมเข้ายึดที่ดินพร้อมบ้านที่อาศัยทั้งสองหลัง คดีนี้ศาลจังหวัดกระบี่ประทับรับฟ้องตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่บังฟัตและพวกรวม 8 คน เข้าก่อเหตุยิงสังหารผู้ใหญ่วรยุทธและครอบครัวเสียชีวิต 8 ศพ คล้อยหลังศาลประทับรับฟ้องราวเดือนเศษ
ทันทีที่ทราบว่าศาลอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนออกไปตามคำขอของทนายฝั่งจำเลยที่ให้เหตุผลว่า ต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม จากจำเลย หรือบังฟัต ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่ นายจรีย์ และนางอ้าส้า บุตรเติบ ระบุว่ายิ่งรู้สึกไม่สบายใจและวิตกกังวลมากขึ้น เพราะคาดหวังหากศาลพิจารณาให้นิติกรรมที่มีการทำสัญญาซื้อขายกับบังฟัตเป็นโมฆะจะทำให้ทางธนาคารชะลอการเข้ายึดบ้านที่อยู่อาศัยออกไป
ไม่เช่นนั้นแล้วสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 9 ชีวิต รวมถึงเด็กชายนาบิ้น วัย 3 เดือน ทายาทที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวของผู้ใหญ่วรยุทธ ก็จะต้องกลายเป็นคนไร้บ้านในทันที
ขณะที่วันนี้ทางธนาคารที่บังฟัตนำที่ดินเข้าจำนอง พร้อมด้วย ยุติธรรม ที่ดิน และบังคับคดีจังหวัดกระบี่ได้ประชุมหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกัน โดยธนาคารเปิดเผยว่าได้มีการฟ้องร้องและเตรียมบังคับคดี ยึดที่ดินที่บังฟัตนำมาจำนองกับธนาคารแล้วรวม 8 แปลง ส่วนที่ดินและบ้านทั้งสองหลังที่ผู้ใหญ่วรยุทธนำไปขายให้กับบังฟัต ล่าสุดธนาคารยังอยู่ระหว่างการชะลอบังคับคดีออกไปก่อน เพื่อรอหลายฝ่ายประชุมหาทางออกร่วมกันอีกครั้งในเดือนหน้า
แม้ขณะนี้ทางธนาคารจะชะลอการขอบังคับคดีออกไปได้นานที่สุด ตามกฎหมายถึง 10 ปี แต่ความหวังที่ครอบครัวสังหลังและบุตรเติบ จะได้ที่ดินและบ้านทั้งสองแปลงกลับมา อีกครั้งจึงยังคงริบหรี่ เพราะทางกฎหมายกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตกเป็นของบังฟัตแล้วตั้งแต่วันที่มีการขายขาดเมื่อปี 2552 .- สำนักข่าวไทย