รัฐสภา 21 ส.ค.-สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกับ ทีโอที เปลี่ยนตู้โทรศัพท์สาธารณะ เป็นตู้โทรศัพท์ช่วยชีวิตสำหรับผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คาดติดตั้งครบ 50 จุดใน กทม. ภายในปี 2561
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานในพิธีรับมอบตู้โทรศัพท์ช่วยชีวิต ซึ่งบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ริเริ่มโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ด้วยการติดตั้งเครื่อง Automated External Defibrillator (AED) ในตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะฉุกเฉินนอกสถานพยาบาล
ทั้งนี้ตู้โทรศัพท์ช่วยชีวิต เป็นวิธีปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน หรือ CPR ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากทำควบคู่กับการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตไปถึงร้อยละ 45 ทั้งนี้เครื่อง AED พร้อมอุปกรณ์การช่วยเหลือภายในตู้สามารถปลดล็อค โดยการกดรหัสผ่านหรือปลดผ่านจากศูนย์ควบคุมภายใน 30 วินาที และมีกล้องวงจรปิดเพื่อดูการเคลื่อนไหวภายในตู้ตลอดเวลา นอกจากนี้ภายในตู้โทรศัพท์ช่วยชีวิต จะมีอุปกรณ์เบื้องต้นในการช่วยเหลือ อาทิ First aid ชุด PPE และชุดเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและมีจอทีวีแจ้งขั้นตอนการช่วยชีวิตเบื้องต้น ขณะเดียวกันหากประชาชนพบเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้อย่างรวดเร็วโดยกดปุ่ม Emergency เพียงปุ่มเดียว สัญญาณไฟฉุกเฉินบนตู้จะหมุนพร้อมส่งข้อความไปยังศูนย์ช่วยเหลือ จากนั้นระบบจะระบุตำแหน่งและที่ตั้งสถานที่เกิดเหตุ ไปยังศูนย์ช่วยเหลือเพื่อติดต่อกลับไปยังจุดแจ้งเหตุ
นอกจากนี้ ตู้โทรศัพท์ช่วยชีวิตยังมีหมายเลขฉุกเฉินสำหรับการขอความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินด้านต่าง ๆ ด้วย ได้แก่ ปุ่มสีน้ำเงินจะแจ้งไปยังเบอร์ 1669 สายด่วนช่วยชีพ ปุ่มสีน้ำตาลจะแจ้งไปยังเบอร์ 191 กรณีเหตุด่วนเหตุร้าย ปุ่มสีแดงจะแจ้งไปยังเบอร์ 199 กรณีแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ปุ่มสีเขียวจะแจ้งไปยังเบอร์ 1155 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ และปุ่มสีฟ้าเพื่อติดต่อไปยังศูนย์ช่วยเหลือฯ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “AED Thailand” เพื่อค้นหาตำแหน่งติดตั้งเครื่อง AED ขณะที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะติดตั้งตู้โทรศัพท์ช่วยชีวิต จำนวน 50 จุดในกรุงเทพมหานคร ภายในปี 2561 อาทิ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ประชุม สวนสาธารณะ สนามกีฬาและบริเวณท่าเรือที่มีประชาชนเป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย