สบส.เร่งตรวจสอบ กรณีวินิจฉัยโรคผิดพลาดป่วยเป็นเอชไอวี

กรมสบส.21 ส.ค.-กรม สบส.สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีชายรายหนึ่งร้องเรียน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง วินิจฉัยโรคผิดพลาดว่าป่วยเป็นโรคเอชไอวี จนได้รับความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต ชี้หากพบมีการทำผิดมาตรฐานตามที่ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 กำหนดด้านใดด้านหนึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที  


จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวถึงชาย อายุ 50 ปี ซึ่งไปตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ เพื่อจะนำผลไปประกอบการกู้เงินธนาคารเพื่อขยายธุรกิจ แต่ผลออกมาว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus ;HIV)จึงไปตรวจเลือดกับโรงพยาบาลอื่นอีกหลายแห่งเพื่อยืนยัน จนผลตรวจออกมาแน่ชัดแล้วว่าตนไม่ได้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี นั้น


นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรม สบส. ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย และได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว  โดยพนักงานเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ทั้ง 3 ประเด็น คือ 1.ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมีการควบคุมและดูแล ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลของตนให้ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ ตามที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดหรือไม่ 


2.ผู้ประกอบวิชาชีพ มีการดำเนินการตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่ และ 3.สถานพยาบาลมีการควบคุม คุณภาพ มาตรฐาน ครบถ้วนทั้ง 5 ด้าน ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งประกอบด้วย 1)สถานที่ สะอาด เหมาะสมแก่การให้บริการ 2)ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลจะต้องขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพถูกต้องตามกฎหมาย 3)การบริการเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด 4)เครื่องมือ ยา และเวชภัณฑ์ มีคุณภาพได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ 5)ความปลอดภัย มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน หรือไม่ โดยในเบื้องต้นกรม สบส.ได้รับการชี้แจงจากโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวบางส่วนแล้ว และเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ได้มีการมอบให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) กล่าวว่า การวินิจฉัยโรคหรือการวินิจฉัยภาวะผิดปกติต่างๆของร่างกาย ด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บ (Laboratory) ซึ่งหนึ่งในวิธีการรายงานผลตรวจ คือ การรายงานว่า “ผลตรวจเป็นบวก” หรือ “ผลตรวจเป็นลบ” หาก “ผลตรวจเป็นบวก” หมายความว่า อาจจะมีโอกาสเป็นโรค หรือมีภาวะนั้น แต่อย่างไรก็ตามการตรวจวินิจฉัยโรคที่มีความร้ายแรง แพทย์ควรจะใช้วิธีการอย่างน้อย 2-3 วิธีร่วมกัน ทั้งการตรวจประวัติอาการ ประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกาย และผลจากการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อร้องเรียนสถานพยาบาลเอกชนสามารถแจ้งได้ที่กรม สบส. หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18830 (กลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ์) ในวันและเวลาราชการ   .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อ ลูกชายยังอยู่ในอาการช็อก เชื่อเสียใจและอยากมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง