ฮานอย 26 ต.ค.-รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจหวังลำดับประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจของไทยในปีหน้าจะต่ำกว่าอันดับที่ 40 หลังเร่งแก้ไขจุดอ่อนต่าง ๆ เตรียมกำหนดมาตรการเข้าไปดูแลให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 3.0-3.5 ตามที่คาดไว้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ธนาคารโลกจัดลำดับประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ ของไทยปีนี้ดีขึ้น 3 ลำดับจากลำดับที่ 49 เป็นลำดับที่ 46 เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของทุกฝ่ายซึ่งจะส่งผลดีต่อการพิจารณาการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นเพราะสะท้อนถึงความยากง่ายในการประกอบธุนกิจในไทยที่ดีขึ้น
นายสมคิด กล่าวว่า หลังจากเรียกประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ( กพร.) เพื่อแก้ไขจุดอ่อนของไทยที่ยังมีอยู่เช่น ความรวดเร็วในการขอใบอนุญาตการก่อสร้าง ความรวดเร็วในเรื่องของการจดด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยมั่นใจว่าที่ผ่านมารัฐบาลเดินมาถูกทางและมั่นใจว่าปีหน้าลำดับประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจของไทยจะดีกว่าปีนี้ โดยตั้งเป้าให้ไทยขยับลำดับที่ต่ำกว่าอันดับ 40 ให้ได้ ซึ่งหากเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่อยู่อันดับ82 และอินโดนีเซียที่อยู่อันดับ 91ถือว่าไทยดีกว่ามาก
นายสมคิดยังกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า แม้จะมีปัจจัยภายนอกมากระทบด้านตลาดเงินตลาดทุนอยู่บ้างแต่รัฐบาลจะดูแลไม่ให้เศรษฐกิจเกิดภาวะซบเซา อย่างที่หลายฝ่ายวิตกว่าการใช้จ่ายของประชาชนและการท่องเที่ยวอาจชะลอตัวลงโดยรัฐบาลได้เตรียมมาตรการเข้าไปดูแลเพื่อให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 3.0-3.5-สำนักข่าวไทย