พาณิชย์ดึงผู้ค้าจับคู่ขายยางกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

กรุงเทพฯ 2 ส.ค. – รัฐมนตรีพาณิชย์ดึงผู้ค้ายางพาราต่างประเทศกว่า 100 ราย ร่วมเจรจาเปิดตลาดซื้อขายยางพารา-ผลิตภัณฑ์กับไทย คาดจับคู่ธุรกิจซื้อขายกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมวางแผนทำกิจกรรมต่อเนื่อง


นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเจรจาการค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราระหว่างผู้นำเข้าต่างประเทศและผู้ประกอบการไทย ว่า มีผู้ซื้อผู้นำเข้ากว่า 106 ราย จาก 26 ประเทศทั่วโลก อาทิ ประเทศในอาเซียน อินเดีย บังกลาเทศ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) รัสเซีย อียิปต์ ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน ตุรกี อาร์เจนติน่า และสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ประกอบการไทยเกือบ 100 ราย เข้าร่วมเจรจาธุรกิจครั้งนี้  

ทั้งนี้ เชื่อว่าการเจรจาการค้าวันนี้จะเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จที่สำคัญแก่อุตสาหกรรมยางพาราไทยในการขยายตลาด แสวงหา และสร้างพันธมิตรกับคู่ค้ารายใหม่ ตลอดจนตอกย้ำความสัมพันธ์ทางการค้ากับคู่ค้าต่างประเทศ สำหรับสินค้ายางพาราที่ได้รับความสนใจจากผู้นำเข้าต่างประเทศ ได้แก่ ยางล้อ ยางธรรมชาติ ถุงมือยาง ยางคอมพาวด์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ คาดว่าการจับคู่ธุรกิจครั้งนี้จะเกิดมูลค่าการซื้อขายโดยรวมกว่า 15,000 ล้านบาท หรือมากกว่า 300,000 ตัน และกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ผลักดันให้ราคายางในประเทศสูงขึ้น คาดว่าปีนี้ราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะดำเนินการทำกิจกรรมดังกล่าวให้ต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเร่งระบายสตอกยางพาราในประเทศให้น้อยลงและจะเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้สูงขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย และนอกจากสินค้ายางพาราแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะนำเอกชนไทยไปเจรจาซื้อขายสินค้าเกษตรชนิดอื่น ๆ เช่น มันสำปะหลังและข้าวด้วย 


นางมาลี  โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผู้นำเข้ายางและผลิตภัณฑ์ยางรายใหญ่จากต่างประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย ผู้นำเข้าจากประเทศจีน อาทิ บริษัท ชิงต่าว ดับเบิ้ลสตาร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์ดับเบิ้ลสตาร์ ซึ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของจีน บริษัท ชิงต่าว เซนทูรี่ ไทร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายล้อรถยนต์และเครื่องบิน มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีกำลังการผลิต 27 ล้านล้อต่อปี และบริษัท กวางโจว ซิโน รับเบอร์ ผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ของมณฑลกวางตุ้ง นอกจากนี้ ยังมีบริษัท บาเรซ อินดัสเตรียล คอมเพล็กซ์ จากอิหร่าน ผู้ผลิตยางรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ทำจากยางพาราใหญ่อันดับ 1 ของประเทศ บริษัท คาเร็กซ์ เบอร์ฮัด จากมาเลเซีย ผู้ผลิตถุงยางอนามัยรายใหญ่ของโลก มีกำลังการผลิต 5 ล้านชิ้นต่อปี และบริษัท เดอะ เซาเทิร์น รับเบอร์ อินดัสตรี จากเวียดนาม ผู้ผลิตนำเข้าและผู้ผลิตยางในรถจักรยาน จักรยานยนต์ และรถยนต์ประเภทต่าง ๆ  เป็นต้น ด้านผู้ประกอบการไทยรายสำคัญที่เข้าร่วมงาน อาทิ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยฮั้ว ยางพารา จำกัด (มหาชน) บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด และสหกรณ์กองทุนสวนยางอำเภทบ่อทอง จำกัด 

ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตยางพาราคุณภาพสูงที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีศักยภาพการผลิตถึงกว่า 4 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณการผลิตยางพารารวมทั้งโลก นอกจากนี้ ไทยยังเป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ยางที่สำคัญ เป็นผู้ส่งออกยางยานพาหนะอันดับ 5 ของโลก ผู้ส่งออกถุงมือยางอันดับ 2 ของโลก และยังเป็นผู้ผลิตผู้ส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำจากยางพารารายใหญ่

อย่างไรก็ตาม การส่งออกยางพาราเดือนมิถุนายน 2560 มีมูลค่า 14,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนของปีที่ผ่านมาร้อยละ 22.8 สำหรับการส่งออกยางพารา 6 เดือนแรกปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 113,019 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาร้อยละ 55.1 ด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางเดือนมิถุนายน 2560 มีมูลค่า 28,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 และการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง 6 เดือนแรกปี 2560 มีมูลค่า 170,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.2 และคาดว่าทั้งปริมาณและมูลค่าจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


นายกรกฏ กิตติพล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บมจ.ไทยฮั้วยางพารา กล่าวว่า แนวโน้มราคายางพาราครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น โดยราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 60 – 70 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบัน 52 – 53 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากคาดว่าผู้ซื้อในตลาดโลกจะมีการกลับเข้ามาซื้อยางพาราอีก รวมทั้งปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้ส่งผลกำลังการผลิตยางพาราในประเทศหายไปประมาณร้อยละ 30 ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของโลก โดยส่งออกไปตลาดจีนอันดับ 1 ประมาณรัอยละ  40 รองลงมาเป็นอินเดียและสหรัฐ เป็นต้น

ด้านนายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าฯ กยท. กล่าวว่า สหกรณ์กว่า 30 รายที่เข้าร่วมงาน หลายรายสามารถปิดยอด คำสั่งซื้อได้ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง จึงมั่นใจว่าหลังจากนี้ตลาดส่งออกยางจะเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งและจะต่อยอดไปสู่สหกรณ์อีกกว่า 700 แห่งทั่วประเทศได้อย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-อีสานอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก