ชุมพร 1 ส.ค.-วันนี้จะพาไปชิมทุเรียนหมอนทองอบแห้ง ไม่แต่งกลิ่น แต่งสี แต่งรส แต่คงรสชาติหวานมันอร่อย ส่งออกไกลถึงประเทศจีน โดยมี บสย.สนับสนุน
ทุเรียนถูกยกย่องให้เป็นราชาแห่งผลไม้ (King of Fruits) ของไทย ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นที่ต้องการทั้งตลาดในและต่างประเทศ “วิชาญ” หนุ่มชุมพร จึงเริ่มทำธุรกิจซื้อทุเรียนเพื่อส่งออกตั้งแต่ปี 2556 แต่กลับต้องเผชิญปัญหาทุเรียนไม่ได้คุณภาพ ทั้งเชื้อราและหนอนเจาะผลทุเรียน จึงคิดแปรรูปเพิ่มมูลค่า คัดทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่มีความหอม หวาน มัน อร่อย เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค ใช้นวัตกรรมแช่เยือกแข็ง มาแช่ทุเรียนสดๆ ทั้งลูก ในห้องทำความเย็นที่อุณหภูมิ -40 °C เพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อทุเรียน รสชาติและกลิ่นที่ใกล้เคียงกับทุเรียนสดมากที่สุด หรือจะเป็นเนื้อทุเรียนพร้อมเมล็ด ทุเรียนไร้เมล็ดก็มีให้เลือกสรร ก่อนต่อยอดเป็นทุเรียน Freeze Dry เจ้าแรกในเมืองชุมพร
ที่นี่จะรับซื้อผลผลิตจากชาวสวน กิโลกรัมละประมาณ 40-50 บาท ทุเรียนสด 400 กิโลกรัม เมื่อนำมาผ่านกระบวนการ Freeze Dry ประมาณวันครึ่ง หรือ 34 ชั่วโมง ก็จะได้ทุเรียน Freeze Dry 130 กิโลกรัม ที่กรอบ หอม มัน สร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นกิโลกรัมละ 1,600 บาท
คุณวิชาญ บอกว่า ข้อดีของการแปรรูปทุเรียน ทำให้สามารถควบคุมราคาได้เอง ไม่ขึ้นลงตามฤดูกาล ทยอยส่งขายได้ทั้งปี ปัจจุบันมีวางขายทั้งในร้านกาแฟ ร้านของฝาก ในหลายจังหวัดทั้งชุมพร ชลบุรี เชียงใหม่ กรุงเทพฯ สงขลาและภูเก็ต รวมทั้งรับจ้างผลิตให้กับอีก 5 แบรนด์ดังโกอินเตอร์ถึงประเทศจีน ไต้หวัน สร้างรายได้ปีที่ผ่านมา 400 ล้านบาท เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ตามฤดูกาล จึงจำเป็นต้อง Stock ทุเรียนให้เพียงพอกับกำลังการผลิตปีละ 700 ตัน บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือบสย. จึงเข้ามาสนับสนุนค้ำประกันสินเชื่อผ่านธนาคารไทยพาณิชย์และ ธ.ก.ส. วงเงินรวม 35 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน
จี แอนด์ เอ ไทยฟรุ๊ต ยังเดินหน้าขยายธุรกิจสู่การแปรรูปผลไม้หลากหลาย ทั้งกล้วย มะม่วงและขนุน พร้อมน้อมนำศาสตร์พระราชา “เศรษฐกิจพอเพียง” มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการผลิตแบบพอประมาณ ซื่อสัตย์จริงใจกับชาวสวนและลูกค้า ขยายธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย