เชียงใหม่ 1 ส.ค.-ชาวสวนลำไยภาคเหนือกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ผลผลิตที่รอมาทั้งปีราคาตกต่ำ เกรดต่ำสุดเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท และราคายังดิ่งลงเรื่อยๆ จนไม่คุ้มกับต้นทุน อาจจะต้องปล่อยให้ลำไยเน่าแห้งคาต้น
ชาวสวนลำไยใน อ.สารภี ที่เชียงใหม่ เร่งเก็บลำไยก่อนที่จะแตกเน่าเสียหายจากฝนตกและยังต้องเผชิญกับวิกฤติราคาที่ดิ่งลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะลำไยรูดร่วง ที่ขายให้พ่อค้าลำไยอบแห้ง ซึ่งลำไยเกรด 2 เอ ขนาดใหญ่สุดเหลือเพียง 12-13 บาท เกรดเอ กิโลกรัมละ 7-8 บาท เกรดบีกิโลกรัมละ 3-4 บาท และเกรดซีกิโลกรัมละ 1 บาท ทำให้ชาวสวนลำไยบางส่วนจำใจต้องปล่อยให้ลำไยเน่าทิ้งคาต้น หากราคายังไม่ดีขึ้น เพราะเก็บไปขายก็ไม่คุ้มกับต้นทุน ทั้งค่าแต่งกิ่ง ค่าปุ๋ย ค่ายา ซึ่งตกกิโลกรัมละ 3-4 บาทแล้ว และยังต้องจ้างคนเก็บลำไยวันละ 400-500 บาท หรือกิโลกรัมละ 3 บาท สำหรับลำไยรูดร่วง แต่หากจะเก็บและคัดมัดช่อขาย ต้องจ้างกิโลกรัมละ 5 บาท รวมต้นทุนกิโลกรัมละ 7-8 บาทไปแล้ว ขณะที่ลำไยในสวนส่วนใหญ่เป็นเกรดเอและบี เฉลี่ยจะเหลือกิโลกรัมละไม่ถึง 5 บาท ขายไปก็ขาดทุน
ไม่ต่างจากชาวสวนลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือ มีพื้นที่ปลูกกว่า 850,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในเชียงใหม่และลำพูน ปีนี้ฝนฟ้าดี ทำให้ลำไยออกมากว่า 370,000 ตัน มากกว่าปีที่แล้วซึ่งเจอภัยแล้งเกือบ 100,000 ตัน ตลาดบริโภคสดลำไยคัดเกรดยังพอไปได้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท แต่ตลาดใหญ่ที่รับซื้อเพื่ออบแห้ง ซึ่งกำหนดราคาโดยกลุ่มทุนจีน ยังดิ่งลง สิ่งที่ทำได้ ต้องรณรงค์คนไทยช่วยกินลำไย เร่งระบายลำไยสดไปขายนอกพื้นที่ เพื่อให้ราคาลำไยขยับขึ้นเป็นการช่วยชาวสวน
ตอนนี้ลำไยออกสู่ตลาดแล้วราวร้อยละ 20 จึงต้องเร่งระบายลำไยก่อนถึงจุดวิกฤติที่ลำไยจะออกมากสุดกว่า 100,000 ตัน ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อประคองราคาลำไยให้พอสำหรับต่อลมหายใจของชาวสวนให้อยู่รอดต่อไปได้.-สำนักข่าวไทย