เซ็นทรัลเวสเกต์ 29 ก.ค. – คปภ.เร่งประเมินความเสียหาย พร้อมประสานบริษัทประกันเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตปีนี้คาดโตต่อเนื่องร้อยละ 5-6
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและได้ติดตามสถานการณ์พื้นที่น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ.พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทประกันภัย เพื่อเร่งประเมินความเสียหายทั้งด้านการประกันชีวิต การประกันวินาศภัย รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่ทำประกันภัยไว้
นอกจากนี้ ยังร่วมกับบริษัทประกันภัย ชมรมประกันวินาศภัยและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบภัยจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่แล้ว โดย จ.สกลนครประสบอุทกภัยเป็นพื้นที่ที่มีการทำประกันภัยข้าวนาปีไว้ถึงร้อยละ 50 ขณะที่ภาพรวมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือความเสียหายเบื้องต้นเป็นพื้นที่ที่มีการทำประกันภัยข้าวนาปีร้อยละ 20 ซึ่งแนวทางความช่วยเหลือเบื้องต้น คปภ.จะพิจารณาปรับเงื่อนไขการคุ้มครองสูงขึ้นและลดเบี้ยประกันภัยสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประสบภัยที่ทำประกันภัยไว้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยว่าให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมหรือไม่ และเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อแจ้งบริษัทที่รับประกันภัยโดยเร็ว หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Call Center 1186
ด้านแนวโน้มอุตสาหกรรมประกันชีวิตยังเติบโตต่อเนื่อง ถือว่าปีนี้เป็นปีแห่งการปรับตัว โดยบริษัทประกันภัยต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้มากขึ้น ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นของการทำประกันภัยและประกันชีวิตมากขึ้น รวมทั้งภาคธุรกิจแข่งขันกันพัฒนาและเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตต่าง ๆ มากขึ้น จึงอยากให้บริษัทประกันภัยมีการบริหารความเสี่ยงให้ดีและแข่งขันเรื่องการให้บริการประชาชนบนพื้นฐานของความเป็นธรรม
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในฐานะอุปนายกฝ่ายการตลาดสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลและความเสียหายของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมก่อนจะเข้าเคลมประกันต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันประกันมีช่องทางการขายง่ายและหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะช่องทางดิจิทัลและได้รับการสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจประกันชีวิตจากภาครัฐ ทำให้ธุรกิจประกันชีวิตไทยยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้ปีนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยคาดขยายตัวร้อยละ 5 – 6 โดยประกันสุขภาพร้ายแรงและแบบคุ้มครองประเภทสะสมทรัพย์ยังได้รับความสนใจอย่างมาก .-สำนักข่าวไทย