กรุงเทพฯ 23 ก.ค. – ปลัดอุตสาหกรรมพอใจผลงานช่วยเอสเอ็มอี เผยภาครัฐเทงบหนุนเพิ่มขึ้นทุกปี ครึ่งปีหลังเน้นช่วยเอสเอ็มอีต่างจังหวัด
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการใช้จ่ายงบประมาณปี 2560 ว่า ปีนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณ 5,661 ล้านบาท หน่วยงานในสังกัด 7 กรม มีผลการเบิกจ่ายแล้ว 3,831 ล้านบาท คงเหลือ 1,830 ล้านบาท การเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 68 สำหรับภาพรวมผลการเบิกจ่าย จัดอยู่ในอันดับที่ 18 จาก 24 หน่วยงานที่เป็นหน่วยงานระดับกระทรวงฯ หรือเทียบเท่า ซึ่งจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการทำงานของทุกหน่วยงานในสังกัด เพื่อช่วยผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ
สำหรับผลงานโดดเด่นครึ่งปีแรก คือ การช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ทั้งโครงการให้ความรู้และแหล่งเงินทุน ล่าสุดปล่อยสินเชื่อแล้วกว่าหมื่นล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังจะยังคงทำงานเชิงรุก แต่จะเน้นขยายไปยังเอสเอ็มอีภูมิภาค ผ่านคณะกรรมการพัฒนาเอสเอ็มอีประจำจังหวัด เพื่อได้กำหนดทิศทางและจัดทำโครงการฯ ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และกระจายให้เข้าถึงผู้ประกอบการ ขณะนี้นอกจากมีศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอีทุกจังหวัดแล้ว จะมีศูนย์บ่มเพาะธุรกิจที่เปิดพื้นที่ มีเครื่องมือและโรงงานต้นแบบให้เอสเอ็มอีได้มาใช้ประโยชน์เกิดขึ้นอย่างน้อย 1 แห่งภายในเดือนกันยายนนี้ โดยนโยบายภาครัฐปัจจุบันต้องการให้เอสเอ็มอีจัดทำบัญชีเดียว ภาครัฐจะเพิ่มความรู้ในการปรับตัวสู่ยุค 4.0 และช่วยสนับสนุนการผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
นอกจากนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้เร่งหาแนวทางให้เอสเอ็มอีเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินระยะเร่งด่วน คือ การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ส่วนระยะยาว คือ การปล่อยสินเชื่อกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยเงินกู้ค่อนข้างยากกว่าธนาคารรัฐ ทั้งนี้ จากผลการศึกษาอัตราการอยู่รอดของเอสเอ็มอีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อปี 2558 พบว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีกว่าครึ่งจะสูญหายภายใน 5 ปี เพราะการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค เอสเอ็มอีขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบมากกว่าขนาดกลางและขนาดใหญ่ตามลำดับ แต่เอสเอ็มอีก็ไม่ได้ปิดตัวมากตามผลการศึกษาและมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เกิดขึ้นตามปกติ จะเห็นว่าภาครัฐให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีมากขึ้น ทั้งการเตรียมแผนบูรณาการส่งเสริมเอสเอ็มอี ที่มี 9 กระทรวง 25 หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินงาน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณเพื่อเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น จากปี 2559 ได้จัดสรรงบประมาณ 1,526 ล้านบาท ปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 3,555 ล้านบาท และปี 2561 เพิ่มเป็น 3,825 ล้านบาท
ส่วนข้อแนะนำสำหรับเอสเอ็มอียุคนี้ คือ 1. ต้องใช้ประโยชน์จากการเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีความคล่องตัว ตอบสนองความต้องการลูกค้า 2. มองลูกค้าเป้าหมายให้ชัด และหากมีหลายกลุ่มก็ต้องมีการบริหารจัดการลูกค้าที่แตกต่างกัน และ 3. ต้องเรียนรู้ปรับตัวและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไม่ติดกับความสำเร็จในปัจจุบัน.-สำนักข่าวไทย