กรุงเทพฯ 21 ก.ค. – สมาคมตราสารหนี้ไทยเผยปัญหาเบี้ยวตั๋วบีอีพ่นพิษ นักลงทุนหนีตราสารหนี้เรตติ้งต่ำ เลือกลงทุนเรตติ้ง A ส่งผลการออกตราสารหนี้ระยะสั้นเรตติ้งต่ำวูบ
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น (บีอี) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ขณะนี้มีทั้งหมด 8 บริษัท มีการชำระคืนแล้ว 4 บริษัท มีอีก 4 บริษัทที่ยังผิดนัดชำระหนี้ไม่สามารถชำระคืนได้ มีมูลค่า 3,755 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.12 ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งหมด 3.2 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560
นอกจากนี้ ยังมีตราสารหนี้ที่อยู่ในข่ายกำลังจะผิดนัดชำระหนี้อีก 14,253 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.48 ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนรวม หากเทียบกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในระบบธนาคารพาณิชย์ร้อยละ 2.94 การผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ถือว่ามีสัดส่วนน้อยยังไม่น่ากังวล และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาลุกลามเป็นลูกโซ่
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ทำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวที่มีคุณภาพมากขึ้น โดยมีการพิจารณาอันดับเครดิต (เรตติ้ง) ของตราสารหนี้เป็นหลัก ตราสารหนี้ที่มีเรตติ้งต่ำกว่าอินเวสเมนต์ เกรด ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนไม่สนใจลงทุน ทำให้มูลค่าการออกตราสารหนี้ระยะสั้นครึ่งแรกปี 2560 ลดลงร้อยละ 7 โดยการออกตราสารในกลุ่มเรตติ้งต่ำกว่า BB+ ลดลงถึงร้อยละ 68 เรตติ้ง BBB+ถึง BBB- ลดลงร้อยละ 33 ตราสารหนี้ระยะสั้นไม่มีเรตติ้ง ลดลงร้อยละ 9 สวนทางกับการออกตราสารที่ได้เรตติ้ง A+ ถึง A- มีการออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ส่วนเรตติ้ง AAA ถึง AA- เพิ่มขึ้นร้อยละ 59
ส่วนมูลค่าการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวเพิ่มขึ้นถึง 123,082 ล้านบาท หรือร้อยละ 39 จากครึ่งแรกปีที่แล้ว โดยจำนวนผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวรวม 134 บริษัท เพิ่มขึ้น 13 บริษัท กลุ่มธุรกิจที่มียอดการออกสูงสุด คือ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27
ด้านแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายังไหลเข้าสุทธิ เนื่องจากคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐน่าจะชะลอออกไป จากปัญหาการเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับมาในตลาดเกิดใหม่ แต่ยังมีความเสี่ยงจากการลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีผลให้เกิดความผันผวนต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 95,631 ล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิตราสารหนี้ระยะยาว 124,886 ล้านบาท แต่ขายตราสารหนี้ระยะสั้น 29,255 ล้านบาท ทำให้ต่างชาติมีการลงทุนสะสมในตราสารหนี้ไทย 723,080 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.4 ของมูลค่ารวมตลาดตราสารหนี้ไทย.- สำนักข่าวไทย