สงขลา 19 ก.ค.-มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) ประกาศยุติโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์ทำลายวัสดุและของเสียทางการแพทย์ หรือเตาเผาขยะติดเชื้อ ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังถูกชาวบ้านเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ ที่ห้องประชุม 210 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ รศ.ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับนายทวีวุฒิ สังข์ศิริ นายอำเภอหาดใหญ่ แถลงยุติการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์ทำลายวัสดุและของเสียทางการแพทย์ หรือเตาเผาขยะติดเชื้อ ที่บริเวณบ้านทุ่งงาย ต.ทุ่งใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยระบุว่า ตามที่มหาวิทยาลัยฯได้รับงบบูรณาการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2560 จากจังหวัดสงขลา จำนวน 270 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์ทำลายวัสดุและของเสียทางการแพทย์ เป็นสถานที่กำจัดวัสดุและของเสียทางการแพทย์ของหน่วยงานมหาวิทยาลัยฯ โดยได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และเลือกระบบที่ได้รับการรับรองว่ามีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากองค์การอนามัยโลก ไม่ทำให้เกิดมลภาวะและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามหาวิทยาลัยฯ จะได้มีการประสานงาน พบปะกับผู้นำชุมชน เพื่อชี้แจงความจำเป็นของการที่ต้องก่อสร้างศูนย์ทำลายวัสดุและของเสียทางการแพทย์ และมีการชี้แจงข้อมูลผ่านสื่อต่างๆเป็นระยะเวลาพอสมควร แต่ยังมีประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่โครงการก่อสร้างฯ ได้แสดงความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการขนส่งวัสดุและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมหาวิทยาลัยฯ ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าชี้แจงความจำเป็นต่อชาวบ้านในพื้นที่โดยตรง ซึ่งต่อมาความกังวลดังกล่าวได้มีการขยายตัวออกไปยังชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่ทุ่งใหญ่
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์พิจารณาแล้วเห็นว่า ความกังวลและความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องที่ขยายออกไป อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมทั้งความเชื่อถือต่อโครงการที่เป็นประโยชน์ที่มหาวิทยาลัยฯ กำลังดำเนินการ หรือที่จะดำเนินการในอนาคต มหาวิทยาลัยฯ จึงได้พิจารณาทบทวนโครงการ โดยขอยุติการดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์ทำลายวัสดุและของเสียทางการแพทย์ แม้ว่าเตาเผาขยะติดเชื้อดังกล่าวจะยังคงมีความจำเป็น แต่คงต้องขึ้นอยู่ว่าจะหาสถานที่ดำเนินโครงการได้หรือไม่ รวมถึงจะมีงบประมาณด้วยหรือไม่ เนื่องจากงบประมาณในส่วนนี้ต้องคืนไปยังหน่วยงานที่ให้มา ส่วนจะโยกงบประมาณไปดำเนินการอย่างอื่นหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของกลุ่มจังหวัดที่จะพิจารณาดำเนินการต่อไป.-สำนักข่าวไทย