ปลัดท่องเที่ยว ยันจัดระเบียบสตรีทฟูด คงเสน่ห์เหมือนเดิม

กรุงเทพฯ 17 ก.ค.-ปลัดฯท่องเที่ยว ชี้แจงการจัดระเบียบStreet Food  เป็นสิ่งจำเป็นในเมืองท่องเที่ยวเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด ยืนยันบรรยากาศที่เป็นเสน่ห์ของย่านชุมชนและร้านอาหารริมทางยังเหมือนเดิม


นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเผยแพร่บทความของนักท่องเที่ยวต่างชาติเกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดระเบียบอาหารริมทางในพื้นที่กรุงเทพฯ ทางแทรเวลเลอร์ ดอทคอม (www.traveller.com) จะส่งผลต่อวัฒนธรรมอาหารริมทาง ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของกรุงเทพฯ ว่า  รัฐบาลและกระทรวงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แต่เล็งเห็นว่าการจัดระเบียบทางเท้าและแผงลอยเป็นสิ่งจำเป็นของเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพมหานครที่มีคนสัญจรเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน  การจัดระเบียบทำเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด ปลอดภัย โดยดำเนินการบนพื้นฐานแห่งสิทธิและความเท่าเทียมกันของทุกคน แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และบรรยากาศที่เป็นเสน่ห์ของย่านชุมชน และร้านอาหารริมทางไว้


ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงฯมีมาตรการในระยะเร่งด่วน คือจะมีการหารือกับกทม.เพื่อกำหนดแนวทางในการสื่อสาร/ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ถึงแนวนโยบายของการจัดระเบียบ เพื่อผลประโยชน์ของทุกคนทั้งทางด้านความปลอดภัยในการสัญจร ความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองและชุมชน และสุดท้ายคือภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในความเป็นเมืองท่องเที่ยว-เมืองน่าอยู่-น่ากินอย่างยั่งยืน


ส่วนในระยะยาว กระทรวงจะได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการในพื้นที่ และภาคเอกชน เพื่อหารือแนวทางการจัดกิจกรรม Street Food อย่างบูรณาการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชัดเจน ทั้งขอบเขตนิยาม การกำหนดขอบเขตพื้นที่ กิจกรรมและระเบียบวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนไม่กระทบสิทธิพื้นฐานของบุคคลอื่น เน้นอาหารที่มีคุณภาพ/มาตรฐาน ความสะอาด ถูกสุขอนามัย และความปลอดภัยของทุกคน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนและมีช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย

“การรักษาสถานะหรือภาพลักษณ์ของเมืองสวรรค์แห่งอาหารริมทางให้ได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องรักษาอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนในแต่ละท้องถิ่นควบคู่ด้วย โดยเฉพาะ อาหารไทยและขนมไทยโบราณ ซึ่งเป็นอาหารประจำถิ่นแต่ละชุมชน ทั้งชุมชนย่านเยาวราช ถนนข้าวสารหรือตลาดบางลำพู รวมทั้งชุมชนย่านอื่นๆ ที่มีกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร จะเป็นสเน่ห์อย่างแท้จริงที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสัมผัส เรียนรู้ และชิมรสชาติ จนเกิดความประทับใจและสนใจเดินทางมาเที่ยวซ้ำ ผมได้ลงสำรวจถนนเยาวราชแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่อง และในวันอังคารที่ 18 ก.ค.นี้ จะนำทีมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมร้านค้าบริเวณถนนข้าวสารด้วย ผมยังคงยึดมั่นที่จะสร้างการท่องเที่ยวให้เป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีความสมดุล ทั่วถึง และยั่งยืน” นายพงษ์ภาณุ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง