พิษณุโลก 14 ก.ค.-ผอ.โรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ชี้แจงกรณีดราม่าการจัดการเงินรางวัล 10 ล้านบาท ที่ทีมวีลแชร์แดนซ์ชนะเลิศในรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนท์ว่า การจัดสรรเงินเป็นไปตามมติคณะกรรมการ
หลังจากมีการนำเสนอข้อมูลผ่านเพจดัง ถึงการจัดการเงินรางวัลจำนวน 10 ล้านบาท ที่ทีมวีลแชร์แดนซ์ของเด็กนักเรียนพิการของโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ซึ่งชนะเลิศในรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนท์ ว่ามีการจัดการไม่เหมาะสมโดยจัดสรรให้เด็กนักเรียนในทีม 8 คน เพียงคนละ 5 แสนบาท และแสดงความสงสัยว่าเงินที่เหลือถูกนำไปใช้อย่างไร
นางพวงทอง ศรีวิลัย ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ชี้แจงว่า การจัดสรรเงินรางวัลเป็นไปตามมติคณะกรรมการ ซึ่งมีทั้งประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู นักเรียนที่เข้าแข่งขันและผู้ปกครอง เนื่องจากส่งทีมแข่งขันในนามมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ สาขาโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ โดยทางรายการได้มอบเงินรางวัล 10 ล้านบาทให้ทางมูลนิธิเพื่อไม่ต้องหักภาษี เพราะหากมอบให้กับบุคคลเงินรางวัลจะถูกหักภาษีถึง 4.7 ล้านบาท จะเหลือเงิน 5.3 ล้านบาท การมอบให้มูลนิธิทำให้ได้รับเงินเต็มจำนวน
การจัดสรรเงินแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกมอบให้เด็กนักเรียนที่เข้าแข่งขัน 8 คน คนละ 5 แสนบาท แต่แบ่งจ่ายปีละ 1 แสนบาท ทุกวันที่ 18 ธันวาคม เพื่อให้ใช้เป็นทุนการศึกษา
ส่วนที่ 2 นำเงิน 10 ล้านบาทไปซื้อสลากออมสิน ซึ่งจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ต่อปี และกรรมการมูลนิธิกู้เงินออกมา 9.5 ล้านบาท นำเงินเข้ากองทุนสวัสดิการครูและบุคคลากรของภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ให้สมาชิกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี จะได้ดอกเบี้ยเงินกู้ราวปีละ 1 ล้านบาท
ส่วนที่ 3นำรายได้จากดอกเบี้ยที่เหลือเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการดรงเรียนศรีสังวาลย์ เพื่อใช้พัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านต่างๆ เช่นเดียวกับทีมวีลแชร์แดนซ์ที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนนี้
ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีสังวาลย์ยังยืนยันว่า การบริหารเงินในลักษณะนี้จะทำให้เด็กพิการได้ประโยชน์ และเงิน 10 ล้านบาทยังคงอยู่ในรูปของสลากออมสิน พร้อมบอกว่าการได้รับข้อมูลทางด้านเดียว และนำไปเสนอในโลกออนไลน์ทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง เตรียมฟ้องหมื่นประมาทเพจดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่โพสต์หรือแชร์ข้อความที่ทำให้โรงเรียนเสียหายด้วย
โดยเมื่อปลายปี 2559 ครูและเด็กนักเรียนพิการโรงเรียนศรีสังวาลย์ กว่า 100คน ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ หลังหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นนำเสนอข่าวโรงเรียนโกงเงินรางวัล โดยทางมูลนิธิและโรงเรียนยืนยันความโปร่งใสการจัดการเงินรางวัลดังกล่าวมาครั้งหนึ่งแล้ว
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 77/4 ม.9 ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้เปิดเป็นร้านขายข้าวแกง 10 บาท อยู่ริมถนน พิษณุโลก – หล่มสัก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้พบกับ นางบัวทัน บุญมี อายุ 50 ปี และ นางวันนา ทิติดำรงเวทรช์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นแม่และป้าของนายทัศนัย บุญมี หรือน้องเต้ อายุ 15 ปี เด็กนักเรียนโรงเรียนศรีสังวาลย์ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 1 ใน 8 เด็กนักเรียนพิการ แชมป์ Thailand’s Got Talent Season 4 แต่ไม่พบ น้องเต้ เนื่องจากไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อรักษาแผลกดทับที่โรงพยาบาลวังทอง
นางวันนา ผู้เป็นป้า กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าได้มีการนำเรื่องราวน้องเต้ ไปลงในเพจดังกล่าว เพียงแต่เมื่อวานมีคนโทรมาจากเพจนี้ว่าจะดำเนินเรื่องอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ต้องถามน้องเต้ เพราะเท่าที่ทราบน้องยังตั้งใจอยากกลับเรียนอยู่ แต่หลังจากการแข่งขันที่ไม่ได้กลับไปเรียนเพราะแผลกดทับที่บริเวณก้นไม่หาย ต้องคอยหมั่นไปรักษาและดูแล ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่าย ฐานะทางบ้านก็ลำบาก มีรายได้แค่จากการขายข้าวแกงเท่านั้น ที่เลี้ยงครอบครัวตั้ง 11 คน แต่หลังจากที่น้องไม่ได้ไปเรียนมา 3 ปี แล้วก็หวั่นว่าเงินที่ได้จากการแข่งขันที่เหลือจะได้ไม่ครบ
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงพยาบาลวังทอง จ.พิษณุโลก ได้พบกับ นางประนอม จันทร์อินทร์ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นย่า และนายทัศนัย บุญมี หรือน้องเต้ กำลังรอรับการตรวจจากแพทย์ น้องเต้ เล่าว่าหลังจากการแข่งขันThailand’s Got Talent รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 57 ตนเองก็ได้กลับมารักษาตัวที่ จ.พิษณุโลก ทันที เนื่องจากเป็นแผลกดทับที่ก้นด้านซ้ายอย่างรุนแรงและไม่ได้กลับไปเรียนเป็นเวลา 3 ปีแล้ว สำหรับรางวัลที่ได้ทางโรงเรียนแบ่งให้ผู้ที่แข่งขันคนละ 500,000 บาท โดยจ่ายเป็นงวด งวดละ 100,000 บาท เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ให้เงินมาแล้วเป็นจำนวน 3 งวด ในทุกเดือนธันวาคม ของทุกปีก็จะไปรับเงินที่ จ.เชียงใหม่ โดยจะทำการโอนเข้าบัญชีชื่อของน้องเต้ แต่ทางอาจารย์จะเป็นผู้เก็บบัญชีธนาคารไว้ ซึ่งใจอยากกลับเรียนต่อ แต่แผลไม่หายปกติจึงยังไม่สามารถกลับไปเรียนได้
ด้าน นางประนอม ย่าของน้องเต้ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ทราบว่าเป็นข่าวขึ้นมาไปลงเพจ เพียงแต่มีคนมากินข้าวแกงที่ร้าน ก็ได้คุยกันแล้วก็เล่าว่าเห็นน้องเต้ไหม เคยเป็นแชมป์Thailand’s Got Talent ด้วย ชายคนดังกล่าวก็ให้ความสนใจบอกว่าอยากช่วยเหลือ และได้ขอเบอร์โทรติดต่อ จนกระทั่งเมื่อวานมีคนโทรมาสอบถามหลายคน ตั้งแต่เที่ยง รวมทั้งเพจดังกล่าวด้วย สำหรับเรื่องเงินก็ได้เล่าไปว่าหลังเป็นแชมป์ได้เงินมาทุกปี ปีละ 1 แสนเข้าบัญชีน้องเต้ แต่ช่วงที่น้องเต้ป่วย เคยไปขอเบิกเงินมารักษา แต่ก็ไม่ให้เบิก ที่จริงอยากให้ทางโรงเรียนเห็นใจด้วย แต่ตอนนี้ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว.-สำนักข่าวไทย