รัฐสภา 11 ก.ค.-กมธ.พิจารณาร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองไม่ขัดข้องข้อเสนอปรับแก้ไพรมารีโหวต ยืนยันสนช.ไม่ขัดแย้งกรธ. มั่นใจไม่คว่ำร่างกฎหมายฉบับนี้
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงข้อเสนอของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่จะปรับแก้ไขเนื้อหาว่าด้วยระบบเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค (ไพรมารีโหวต) ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า กรธ.ไม่ได้เห็นว่าประเด็นหลักที่เน้นการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคการเมืองเป็นประเด็นขัดรัฐธรรมนูญ
“แต่เห็นว่ากระบวนการไพรมารีโหวตที่มีสาขาพรรคกับผู้แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดยังขาดมาตรการป้องกันการทุจริต และยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้ชี้ขาดเมื่อเกิดการทุจริต และอีกหนึ่งประเด็นคือการกำหนดให้หัวหน้าพรรค เป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 เป็นการจำกัดสิทธิ์ของหัวหน้าพรรคที่ต้องการจะลงสมัครแบบแบ่งเขต ซึ่งเท่าที่ได้อ่านรายละเอียดของข้อเสนอ ห็นว่าไม่มีประเด็นใดจะขัดข้องในการแก้ไขกระบวนการให้สมบูรณ์มากขึ้น” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
ส่วนการตัดอำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการให้ใบเหลืองใบแดง พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า กระบวนการไพรมารีโหวตเป็นกิจการภายในที่กกต.ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากให้สิทธิ์สมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้รับผิดชอบและดำเนินการให้ถูกต้อง แต่หากเกิดการทุจริตขึ้น ผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถร้องไปยังกกต. เพื่อขอให้สอบสวนได้ และหากกกต.เห็นว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไปฟ้องร้องกล่าวโทษได้ ซึ่งสมาชิกพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ทำให้การจัดทำไพรมารีโหวตไม่โปร่งใส จะต้องได้รับโทษ แม้ผู้ที่ทุจริตได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.แล้ว จะต้องได้รับโทษย้อนหลัง และพ้นสภาพการเป็นส.ส.ด้วย
“สนช.ไม่เคยมีความคิดขัดแย้งกับกรธ. เพราะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวยึดมั่นในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและเจตนารมณ์ของกรธ. เรื่องใดที่เห็นว่ากรธ.ทำดีอยู่แล้ว กรรมาธิการก็ไม่โต้แย้ง ทั้งนี้ระบบไพรมารีโหวตยังเป็นหลักการสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ จึงมั่นใจว่า สนช.จะไม่คว่ำร่างกฎหมายฉบับนี้หลังกรรมาธิการร่วมพิจารณาเสร็จสิ้น” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า บทเฉพาะกาลของร่างกฎหมายพรรคการเมืองที่เอื้อประโยชน์พรรคการเมืองใหม่ ๆ ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่เสียเปรียบพรรคการเมืองเก่า ซึ่งในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หากพรรคการเมืองใดประสงค์จะส่งผู้แทนลงเลือกตั้ง จะต้องตั้งผู้แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดอย่างน้อย 100 คน สามารถส่งผู้ลงเลือกตั้งได้ทุกเขตของจังหวัดนั้น ๆ ได้ มั่นใจว่าหลังกฎหมายบังคับใช้ พรรคการเมืองจะมีเวลาเตรียมตัวก่อนการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงไม่น่าจะกระทบต่อพรรคการเมือง
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้กกต.สนับสนุนพรรคการเมืองจัดทำไพรมารีโหวตว่า อาจจะติดปัญหา เพราะหากเกิดการทุจริตและยังตรวจไม่พบ จะเสมือนว่ากกต.รับรองความชอบธรรมการจัดทำไพรมารีโหวตที่ทุจริตนั้นได้ ซึ่งในอนาคตอาจเป็นไปได้ว่าจะขอความร่วมมือจากกกต. แต่อาจจะเป็นขอความร่วมมือเรื่องเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า
ส่วนกรณีกรธ.กังวลว่าการกำหนดให้หัวหน้าพรรคการเมืองต้องลงเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่ 1 เป็นการจำกัดสิทธิหัวหน้าพรรคในการลงเลือกตั้งแบบแบ่งเขตนั้น พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การพิจารณาของกรรมาธิการร่วมอาจจะทบทวนและเปิดช่องให้หัวหน้าพรรคการเมืองสามารถลงเลือกตั้งแบบระบบแบ่งเขตได้ แต่ต้องเข้ากระบวนการไพรมารีโหวตด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย
