พศ.เร่งตรวจสอบใช้งบ รร.พระปริยัติธรรมแผนกสามัญทั่วประเทศ

สำนักข่าวไทย 3 ก.ค.-ผอ.พศ.เผยสั่งการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ตรวจสอบการใช้งบโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญทั่วประเทศ หลังได้รับเรื่องร้องเรียน แจ้งจำนวนนักเรียนไม่ตรงความจริง  ขณะที่กรณีทุจริตเงินทอน เจ้าหน้าที่ลงสืบวัดในพื้นที่ภาคกลางแล้ว ย้ำยังไม่สั่งย้ายรองผอ.พศ.เพราะคดียังไม่ตัดสินว่าผิด 


พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์  ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับหนังสือร้องเรียนจากพระรูปหนึ่ง ขอให้ พศ.ตรวจสอบจำนวนนักเรียน โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ได้ทำการเปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายหลายแห่งมีจำนวนนักเรียนในโรงเรียนจริงๆน้อยมาก แต่มีการแจ้งจำนวนนักเรียนเป็นเท็จ   


จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบจำนวนนักเรียนตามโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญทั่วประเทศ แล้ว   เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบจำนวนนักเรียนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามกฏหมายจึงขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร่วมกับสำนักงานกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลจำนวนนักเรียนให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน พร้อมให้รับรองข้อมูลมาตามแบบรายงานสถิติพื้นฐานและข้อมูลรายบุคคลของโรงเรียน และแบบรายงานสถิติข้อมูล  ส่งให้กองพุทธศาสนศึกษาภายในวันที่ 6 กรกฎาคม 2560   

ผอ.พศ.ย้ำว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้บอกว่าเกิดการทุจริตแล้ว แต่พศ.ได้รับเรื่องร้องเรียนจึงเป็นหน้าที่ที่ต้องลงไปตรวจสอบ  ทั้งนี้ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อพระที่มาร้องเรียน  หรือไปบอกว่าหนังสือร้องเรียนส่งมาจากที่ใด ให้ร้องโรงเรียนใด  เพราะจะไปกระทบสิทธิส่วนบุคคล  หากไม่ผิดไม่ต้องไปกลัว 


ส่วนกรณีการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีเงินทอนที่ข้าราชการพศ.เกี่ยวข้อง นั้น ผอ.พศ.กล่าวว่า ล่าสุดคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พศ. ใน 12วัด 12 คดีแรกที่พบการทุจริตเงินทอน  เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่วัดในภาคกลางแล้ว และจะทยอยลงพื้นที่จังหวัดอื่นๆทั้งหมด ตั้งเป้าว่าจะให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน แต่รายละเอียดคงจะมาบอกทั้งหมดไม่ได้เพราะเป็นขั้นตอนการสืบอยู่ในชั้นความลับ ยืนยันจะทำข้อเท็จจริงให้ครบทุกวัดแน่นอน หากพบมูลจะตั้งคณะกรรมสอบในอำนาจที่ พศ.รับผิดชอบ  

ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกต ยังไม่มีการลงโทษทางวินัย  นางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการ พศ.ที่มีรายชื่อพัวพันกับคดีทุจริตเงินทอนวัด ยืนยันว่าทำตามระเบียบของข้าราชการพลเรือนหากยังไม่ถูกชี้มูลความผิดหรือตัดสินคดี  ไม่สามารถสั่งพักงาน  ทำเพียงให้ยุติบทบาทลงและห้ามทำงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร    ส่วนการที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะทำอย่างไรนั้น  คงขึ้นอยู่กับท่านว่าจะประกาศใช้อำนาจพิเศษม.44 หรือไม่  คงขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในส่วนของตนทำได้เท่าที่มีอำนาจหน้าที่ระบุไว้  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง