กรุงเทพฯ 24 มิ.ย. – ธนาคารกสิกรไทยประเมินเงินบาทสัปดาห์หน้า 33.85-34.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นแนวต้าน 1,590-1,600 จุด จับตาปัจจัยต่างประเทศ ทั้งนโยบายการเงินสหรัฐจากถ้อยแถลงเฟด ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา (19-23 มิ.ย.) เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ แต่ยังคงแข็งค่ากว่าระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แม้เงินดอลลาร์ฯ จะมีปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องอีก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี แต่เงินบาทก็ยังคงได้รับแรงหนุนให้แข็งค่าขึ้นได้เป็นระยะ ๆ จากกระแสเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรไทย ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อสุทธิระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายนที่ผ่านมา 12,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ช่วงขาขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ ก็เป็นไปอย่างจำกัดช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากตลาดยังคงรอปัจจัยใหม่มาประเมินจังหวะที่ชัดเจนของการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ สำหรับวันที่ 23 มิถุนายน เงินบาทอยู่ที่ 33.94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 33.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วันที่ 16 มิถุนายน
สำหรับสัปดาห์หน้า (26-30 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.85-34.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยต้องติดตามสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย รายได้ รายจ่าย และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพฤษภาคม ดัชนีราคาบ้านเดือนเมษายนและจีดีพีไตรมาส 1/2560
ส่วนดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นปลายสัปดาห์ ดัชนีปิดที่ระดับ 1,582.36 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.37 จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.07 จากสัปดาห์ก่อนมาที่ 38,813.01 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 576.92 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.16 จากสัปดาห์ก่อน สำหรับสัปดาห์หน้า บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,570 และ 1,555 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,590 และ 1,600 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทำ Window dressing สำหรับไตรมาส 2/2560 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2560 ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และค่าใช้จ่ายครัวเรือนเดือนพฤษภาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ อาทิ ข้อมูลจีดีพีของประเทศในแถบยุโรป และอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น.-สำนักข่าวไทย