ดีเอสไอลุยตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวน

สำนักข่าวไทย 20 มิ.ย.-ดีเอสไอ ร่วมกับ จ.แม่ฮ่องสอน ลุยพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พบออกเอกสารสิทธิ์ขึ้นทะเบียนสวนป่าหวังค้าไม้หวงห้าม


พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมด้วย นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ต.ท มนตรี บุณยโยธิน ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม  และผู้แทนจากกรมป่าไม้ เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ยวมฝั่งซ้าย และพื้นที่สวนป่าในเขต อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน หลังดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากอดีตข้าราชการระดับสูง จ.แม่ฮ่องสอน เกี่ยวกับพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลที่ใช้วิธีการตัดไม้ทำลายป่า แล้วนำไปขึ้นทะเบียนสวนป่าตามพ.ร.บ.สวนป่าพ.ศ.2535 เป็นเครื่องมือในการกระทำผิด แล้วนำหลัก ฐานที่ดินในรูปแบบประเภทน.ส.3, น.ส.3 ก.,โฉนดที่ดิน , ส.ป.ก.4-01 หรือหลักฐานที่ดินประเภทต่างๆมาอ้างว่าที่ดินดังกล่าวมีการปลูกสวนป่า ซึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นไม้สัก และนำมาขึ้นทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าว แต่ความเป็นจริงคือ มีไม้หวงห้ามมีค่าบางส่วนที่ขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ก่อนการขึ้นทะเบียน ต่อมาผู้ที่ขึ้นทะเบียนสวนป่าก็จะขออนุญาตตัดไม้ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำไปดำเนินการในเชิงพาณิชย์ รวมทั้งไม้หวงห้ามที่ไม่ได้ปลูกด้วย

พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานหลักฐานและพฤติการณ์การกระทำผิดในพื้นที่ พบว่าในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีการขึ้นทะเบียนสวนป่าทั้งหมด 444 แห่ง เนื้อที่ประมาณ 7,849–2-40 ไร่  และพบว่ามีไม้สักขึ้นทะเบียนที่จะถูกตัดจำนวนถึง 816,786 ต้น  แต่ผลการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนส่วนป่าบางแห่งพบข้อเท็จจริง คือ การขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า รายของนายวิสุทธิ์ บุรุษภักดี พบว่าในพื้นที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่อง สอน มีการใช้เอกสาร น.ส.3 ก. จำนวน 14 แปลง รวมเนื้อที่ 391-1-91 ไร่ ได้แก่ น.ส.3 ก.เลขที่ 153, 250 ต.ขุนยวม,เลขที่ 150, 154, 156, 157, 158, 161, 249, 251, 441, 447, 524 และ 587 ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน  มีจำนวนไม้ที่ขอขึ้นทะเบียน 156,200 ต้น ได้มีการรับขึ้นทะเบียนที่ดินดังกล่าวเป็นสวนป่าไว้แล้ว  แต่จากการตรวจสอบของหน่วย งานที่เกี่ยวข้องพบว่า พื้นที่ที่มีการขึ้นทะเบียนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย จำนวน 10 แปลง รวมเนื้อที่จำนวน 278–2-63 ไร่ จำ นวนไม้ที่ขอขึ้นทะเบียน  111,100 ต้น และอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่กันออกจำนวน 4  แปลง รวมเนื้อที่ 112–3-28 ไร่ มีการฟ้อง ร้องคดี โดยศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2538 และเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2546 ว่าเป็นเอกสารปลอม พื้นที่ดังกล่าวมีการตัดไม้ทำลายป่าไปบางส่วนแล้ว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ฯ ดีเอสไอจึงรับไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ


ส่วนการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่ารายของนางจตุพร กวีวัฒน์  พบว่ามีการนำโฉนดที่ดินเลขที่ 8463 ออกเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2552 โดยวิธีการเดินสำรวจ มาใช้เป็นหลักฐานการขอขึ้นทะเบียนสวนป่าเนื้อที่ 1-0-10 ไร่ พื้นที่ดังกล่าวมีไม้สักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ จำนวน 11 ต้น ความโตเฉลี่ย 201.23 เซนติเมตร มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี  ได้นำมายื่นขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าเมื่อวันที่ 6 ส.ค 2555  ตรวจสอบแล้วพบว่าที่ดินตามโฉนดอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปายทั้งแปลง โฉนดดังกล่าวออกผิดกฎ หมาย และได้ตัดไม้ธรรมชาติไปหมดทั้งแปลงแล้ว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างดำเนินการของดีเอสไอ

ขณะที่การขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า รายนางทองใส ญาณวุฒิ พบว่ามีการนำโฉนดที่ดินเลขที่ 758 ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื้อที่ 8– 3 – 37.1 ไร่ ไปยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสวนป่าต่อผู้ว่าราชการจัง หวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะเป็นนายทะเบียนที่ดินสวนป่า ต่อมาได้ขอถอนคำร้อง และกลับมายื่นคำขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าอีกครั้ง โดยผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและยังไม่มีคำ สั่งรับขึ้นทะเบียน ต่อมาวันที่ 1 ก.พ. 2556 กรมป่าไม้ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ เนื่องจากมีการขออนุญาตทำไม้สักออกพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนฯป่าแม่ปายฝั่งซ้ายทั้งแปลง จึงสั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอนตรวจสอบข้อเท็จจริงผลการตรวจสอบพบว่า ที่ดินบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 758 ที่ นางทองใส นำมา ใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า โดยเชื่อว่าน่าจะออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  และได้ส่งเรื่องให้กรมที่ดินตรวจสอบ สำนักงานที่ดินจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าโฉนดที่ดินเลขที่ 758 ได้ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากหลักฐานใบจองออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอน ต่อมาอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 3540/2558 ลงวันที่ 29 ก.ย.2558 ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว โดยผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน  มีคำสั่งไม่รับขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่ารายนางทองใสจากผลการสืบสวนดังกล่าว ดีเอสไอได้มีหนังสือแจ้งข้อมูลไปยังกรมป่าไม้  เพื่อให้พิจารณาดำเนินการกับผู้บุกรุกพื้นที่ต่อไป พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนข้อมูลให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หากพบว่ามีการกระทำผิดในส่วนใด ก็ให้พิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป.-สำนักข่าวไทย       


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]

รวบอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์-หญิงคนสนิท ยักยอกเงินวัด

นครสวรรค์ 14 ส.ค. – ตำรวจ บก.ปปป. รวบอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์-หญิงคนสนิท หลังมีหลักฐานยักยอกเงินวัดกว่า 4.1 ล้านบาท “บิ๊กเต่า” เตรียมแถลงเย็นนี้ ตำรวจ บก.ปปป. จับกุมนายสฤษฏิ์ หรือ พระธรรมวชิรธีรคุณสฤษฏิ์ จันท์ประธาตุ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในคดีเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 147 และ 157 และนางสาวภูธินี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาคกลาง ในคดีเป็นผู้สนับสนุนพนักงานยักยอกทรัพย์ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่ หรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 147 157 และ 86 โดยพฤติกรรมของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2568 ที่ผ่านมา อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ น.ส.ภูธินี และยักยอกเงินวัดนครสวรรค์ จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2567-10 ก.ค.2568 เจ้าอาวาสได้สั่งให้พระศตยา พุ่มเดช พระลูกวัด เบิกถอนเงินจากบัญชีวัดนครสวรรค์ […]

สภาถกงบฯ 69 วันที่ 2 “ปชน.” ซัดงบ ก.เกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์

รัฐสภา 14 ส.ค.- สภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 วันที่ 2 “สส.ปชน.” ซัดงบ ก.เกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์คนไทย ดูดีบนกระดาษ แต่ใช้ในชีวิตจริงของเกษตรกรไม่ได้ ข้องใจ ทำไมต้องทำโครงการตลาดกลางที่พะเยา ทั้งที่มูลค่าส่งออกแพ้เชียงราย-น่าน เสี่ยงผูกขาด หรือเป็นเหตุผลทางการเมือง ฉะ “ล้งแห่งชาติ” ของ อ.ต.ก. ล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2 – 3 เป็นวันที่ 2 โดยพิจารณามาตรา 14 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในกำกับ โดยนายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณในส่วนขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ว่า มีสองโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ให้กับคนไทยทั้งประเทศ และเสี่ยงต่อการใช้เงินภาษีอย่างไม่คุ้มค่า เสี่ยงต่อการล้มเหลวของโครงการ ได้แก่โครงการตลาดกลางที่ จ.พะเยา […]