นับหนึ่งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู คาดเปิดใช้ได้ปี 2563

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – รองนายกฯเป็นประธานการลงนามโครงการรถไฟฟ้สายสีเหลือง-ชมพู โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดใช้ได้ในปี 2563 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระหว่างรฟม.กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ โดยระบุว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัด ผลักดัน โครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง ลดปัญหาการจราจร ขยายความเจริญจากกรุงเทพมหานครสู่ปริมณฑล

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ ล้วนเป็นโครงการภายใต้นโยบาย PPP Fast Track ของรัฐบาล ที่เปิดโอกาสให้เอกชนได้เข้าร่วมลงทุนในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ ร่วมกับภาครัฐ เพื่อลดภาระด้านงบประมาณและหนี้สาธารณะของประเทศ


นายสมคิด กล่าวว่า การลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ในวันนี้ เป็นอีกจุดเริ่มต้นหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้โครงข่ายการคมนาคมในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จและเกิดเป็นรูปธรรมได้โดยเร็วและตามแผนงาน และเพื่อให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง สามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ในปี 2563 

นายสมคิด ย้ำเพิ่มเติมว่าไทยเป็นศูนย์กลางหลายกลุ่มประเทศ  เมื่อหัวหน้า คสช.ออก ม.44 แก้ปัญหารถไฟฟ้าไทย-จีน ร่างสัญญาช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เตรียมเดินหน้าขยายถึงหนองคาย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคการขนส่งและเศรษฐกิจรอบเส้นทางรถไฟฟ้าเติบโตสูงขึ้น และหลังจากเริ่มก่อสร้างรถไฟสีเหลืองและชมพูแล้ว เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ สายม่วงใต้ สายส้มฝั่งตะวันตก และสีแดง ช่วงสามเสน-หัวลำโพง นอกจากนี้  จะเร่งการสร้างรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง ได้ข้อสรุปเดือนสิงหาคมด้วยเงินลงทุน 80,000 ล้านบาท รวมถึงรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ-ระยอง และการเชื่อมต่อรถไฟไปท่าเรือเขตอีอีซี ทำให้ 2 ปีข้างหน้าเงินลงทุนผ่านระบบราง 2.4 ล้านล้านบาท ออกสู่ระบบ โดยรัฐบาลจะให้ลงนามเส้นทางที่กล่าวมาภายในปีนี้ เพื่อเริ่มก่อสร้างปี 2561 ดังนั้น จากนี้ไปไทยจะก้าวสู่ยุค 4.0 ดึงความเชื่อมั่นจากต่างชาติ เพื่อเดินหน้าเชื่อมโยงการเดินทางจากจีนผ่านลาว ไทยไปยังมาเลเซีย ยืนยันว่า ม.44 ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับจีน แต่เป็นการร่วมลงทุนและสร้างประโยชน์ระหว่างประเทศ เนื่องจากการขนส่ง 29 ประเทศของทุกกลุ่มประเทศจะมุ่งผ่านไทยไปยังประเทศต่าง ๆ 

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังจากลงนามสัญญาภายใน 120 วัน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา จากนั้นในวรรคท้ายของประกาศ ม.44 ระบุให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเสนอ คสช. เพื่อขยายก่อสร้างไปยังหนองคาย ขณะที่สภาวิศวกรพร้อมให้ความร่วมมือจีนทดสอบรถไฟฟ้า และยืนยันว่า รถไฟไทย-จีนสามารถลงนามตามข้อกำหนด  ส่วนการกู้เงินจะเน้นกู้สำหรับนำเข้าอุปกรณ์หัวรถจักรบางส่วน โดยส่วนใหญ่จะระดมทุนในประเทศเป็นหลัก เมื่อสัญญาก่อสร้างเส้นที่ 1 จำนวน 3.1 กม. เริ่มจะเริ่มสัญญาที่ 2 จำนวน 11 กม. สัญญา 3 จำนวน 300 กม. และ 119 กม. คาดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมายกำหนดไว้


โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม. เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) จำนวน 23 สถานี เชื่อมโครงข่ายขนส่งด้านตะวันออกของกรุงเทพ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง  จุดเริ่มต้น รัชดา – ลาดพร้าว ผ่าน – บางกะปิ – แยกลำสาลี – พัฒนาการ – ลาซาล สิ้นสุดสถานี สำโรง สมุทรปราการ

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 กม.  จำนวน 30 สถานีใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (monorail)   เชื่อมพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มโครงการที่ศูนย์ราชการนนทบุรี ผ่านแคราย ปากเกร็ด เมืองทองธานี หลักสี่ รามอินทรา มาสิ้นสุดที่มีนบุรี จุดเชื่อมต่อสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี สามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – บางซื่อ)  และเชื่อมสายสีส้มที่สถานีปลายทางมีนบุรี ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน สร้างเสร็จในปี 2563 ด้วยเงินลงทุนกว่าแสนล้านบาท

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด  ( มหาชน ) กล่าวว่า จะเร่งรัดการดำเนิน 2 โครงการนี้ให้เสร็จเร็วกว่าแผนงานเดิมที่จะสร้างเสร็จใน 39 เดือน โดยจะให้เสร็จประมาณต้นปี 2563 วงเงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 100,000 ล้านบาท จะเป็นส่วนของทุนประมาณ 28,000 ล้านบาทที่เหลือทางธนาคารกรุงเทพจะเป็นแกนนำในการจัดหาเงินกู้  

นอกจากนี้ เพื่อให้เส้นทางสมบูรณ์ทางกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์เสนอเพิ่มก่อสร้างส่วนขยายสายสีชมพูจากสถานีศรีรัชเข้าไปเมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. และส่วนต่อขยายเชื่อมโครงการสายสีเขียวที่ถนนพหลโยธิน บริเวณใกล้สี่แยกรัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กม. ใช้งบลงทุนอีก 6,000 ล้านบาท ซึ่งก็คาดหวังว่า รฟม.และรัฐบาลจะอนุมัติ 

“กลุ่มบีเอสอาร์พร้อมจะลงทุนในโครงการระบบรางของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งรถไฟฟ้าใน กทม.ปริมณฑล รวมถึงอีอีซี ซึ่งก็จะดูเงื่อนไขของรัฐบาลที่จะประกาศออกมา” นายคีรี กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.ไซเบอร์ชง อสส.เอาผิด “ฮุนเซน” ปมคลิปเสียง 14 ก.ค.นี้

10 ก.ค.- ตร.ไซเบอร์ เดินหน้าคดีคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร-ฮุนเซน” เตรียมเสนออัยการสูงสุดเอาผิด “ฮุนเซน” ตามกฎหมายความมั่นคง 14 ก.ค.นี้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (สอท.1) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ความยาว 17.6 วินาที ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กับ สมเด็จฮุน เซน ซึ่งมีเนื้อหาถูกตีความว่าสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนชาวไทย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคมนี้ พนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ จะเสนอเรื่องไปยังอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับสมเด็จ ฮุนเซน เนื่องจากเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ว่าด้วยการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ขณะนี้ยังมีผู้ถูกดำเนินคดีเพียงคนเดียว […]

ตร.ประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ “I2LAI” ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

10 ก.ค.- ตร. เผยสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านยังน่าห่วง พร้อมประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ “I2LAI” ผนึกกำลังประชาคมโลกปราบปราม ตั้งเป้าเห็นผลใน 3 เดือน เร่งไล่ล่าเครือข่าย “ก๊ก อาน” วันนี้ (10 กรกฎาคม) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ เปิดเผยสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังคงปักหลักในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา เมียนมา และลาว โดยใช้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเดินทางผ่าน เพื่อลักลอบข้ามแดนไปทำงานหรือหลอกลวงทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้เข้าไปทำงานในแก๊งเหล่านี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า จากมาตรการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมันในเมียนมา ได้ส่งผลให้มีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ในเขตเมืองชเวโก๊กโก๋และเคเคพาร์ค ซึ่งตรวจพบผู้เสียหายถึง 36 สัญชาติ รวม 8,893 ราย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลบซ่อนอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี สำหรับประเทศกัมพูชา พบการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างมากถึง 52 จุด ใน 10 จังหวัด […]

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]