ชุมพร 12 มิ.ย.-ตา ยาย วอนนักข่าวเป็นสื่อกลางตามหาลูกสาวอดีตผู้จัดการโรงแรม ไปอยู่เมืองนอกแต่งงานกับหนุ่มออสเตรเลีย ขาดการติดต่อนาน 13 ปี ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
วันที่ 12 มิถุนายน 2560 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายสุทิน แก้วกรูด อายุ 74 ปี นางวิจิตต์ แก้วกรูด อายุ 66 ปี สามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 6 ตำบลคุริง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านปูนชั้นเดียวหลังคามุงสังกะสีสภาพเก่า ทั้งสองตายายต้องการให้ผู้สื่อข่าวช่วยเหลือเป็นสื่อกลางตามหาลูกสาวที่แต่งงานกับหนุ่มต่างชาติชาวออสเตรเลีย แล้วขาดการติดต่อหายสาบสูญไม่รู้ตะกรรมมานาน 13 ปีแล้ว
นายสุทิน กล่าวว่าตนเองอยู่กินกับนางวิจิตต์ มีลูกด้วยกัน 4 คน ผู้ชาย 3 คน หญิง 1 คน โดยลูกชายทั้ง 3 คนได้แต่งงานออกไปประกอบอาชีพเป็นหลักแห่งทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวกันหมดแล้ว ส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวซึ่งเป็นคนสุดท้องชื่อ น.ส.เพ็ญศิริ แก้วกรูด ปัจจุบันอายุ 43 ปี โดยเมื่อปี พ.ศ.2534 ได้ไปทำงานรับจ้างอยู่ตามร้านอาหาร จนกระทั่งครั้งสุดท้ายได้ทำงานเป็นผู้จัดการอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ต่อมาได้รู้จักกับ นายไซมอล กิ๊บบอนส์ อายุ 50 ปี เป็นครูสอนดำน้ำชาวออสเตรเลีย จากนั้นลูกสาวได้ลงทุนร่วมกับนายไซมอนส์ ทำธุรกิจสอนดำน้ำและติดตั้งกล้องวงจรปิดในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งช่วงนั้นลูกสาวกับนายไซมอนส์ จะกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่อยู่เป็นประจำ
นายสุทิน กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ครั้งสุดท้าย เมื่อปี พ.ศ.2546 ลูกสาว และนายไซมอนส์ เลิกทำธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากถูกเพื่อนชาวต่างชาติที่ร่วมหุ้นลงทุนด้วยกันโกงจนขาดทุนต้องปิดกิจการ แล้วพากันไปอยู่เมืองนอกแต่งงานอยู่กินกันที่ประเทศออสเตรเลีย โดยช่วงแรกๆ อยู่ต่างประเทศ 2 ปี ลูกสาวยังได้ส่งรูปภาพพิธีแต่งงานกับนายไซมอนส์ ที่เมืองนอกมาให้พ่อแม่ดูจำนวนหลายภาพ และยังติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ส่งจดหมายถึงกันอยู่เป็นประจำ แต่หลังจากผ่านไป 2 ปี ลูกสาวไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลยจนถึงปัจจุบันนี้นาน 13 ปีแล้ว รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก ปัจจุบันทำให้นางวิจิตต์ ผู้เป็นแม่ต้องเป็นโรคหัวใจเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นประจำ เพราะเป็นห่วงลูกไม่รู้ว่ามีชะตากรรมหรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“เมื่อปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา ตนเองได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ท่าแซะ เรื่องลูกสาวหายตัวในต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงขอวิงวอนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเป็นสื่อกลางหากลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ได้เห็นข่าวก็ให้ติดต่อกลับมาบ้านด้วยเพราะพ่อแม่รักเป็นห่วงรักและคิดถึงลูกมาก และอยากให้สถานทูตหรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหากมีช่องทางใดช่วยติดต่อประสานงานให้กับตนด้วยจะได้รู้ว่าลูกสาวตนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่หรือเสียชีวิตไปแล้วและด้วยสาเหตุใด เพราะครอบครัวตนมีอาชีพทำสวนหาเช้ากินค่ำฐานะยากจนคงไม่มีปัญหาจะไปตามหาหรือเดินทางไปติดต่อกับหน่วยงานต่างๆได้” นายสุทินกล่าว.-สำนักข่าวไทย