ภูมิภาค 12 มิ.ย.-ความคืบหน้ากรณี 2 สาวอุดรธานีหนีกรุ๊ปทัวร์ที่เกาหลีใต้ ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงจากครอบครัว พบว่าสามารถติดต่อกับลูกเมื่อ 2-3 วันก่อน โดยได้ให้เดินทางกลับมาโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่สอบถามข้อมูลกับครอบครัวของ น.ส.ยุพิณ จันทะแสน อายุ 32 ปี นักท่องเที่ยวหลบหนีกรุ๊ปทัวร์ในเกาหลีใต้ ร่วมกับ น.ส.ชุติมา เรืองภัทรเวช อายุ 36 ปี ภายในบ้านพักใน ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี โดยมีตัวแทนจากสำนักงานจัดหางานฯ และตัวแทนนายอำเภอหนองหานเข้าสอบถามและให้ความช่วยเหลือ พร้อมชี้แจงว่าทั้งสองคนยังไม่มีความผิดใดๆ เพราะวีซ่ายังไม่หมดอายุ หากติดต่อได้ก็ขอให้ครอบครัวเจรจาให้กลับไทย โดยไกด์ของกรุ๊ปทัวร์ยินดีที่จะจัดหาตั๋วเครื่องบินให้ ส่วนกระแสข่าวการถูกจับกุมนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยังไม่พบตัวทั้งสองคนแต่อย่างใด
ด้านพ่อแม่ของนางสาวยุพิณ บอกว่า ก่อนหน้าลูกเดินทางไปเกาหลีได้บอกว่าจะไปเที่ยว แต่ก็เคยพูดเรื่องการไปหางานทำ ซึ่ง น.ส.ยุพิณ ได้นำเงินจากการขายวัว 2 ตัว จำนวน 55,000 บาท และ กู้เงินนอกระบบ 10,000 บาทเป็นทุนไปเที่ยว และก่อนหน้านี้ 2-3 วัน สามารถติดต่อ น.ส.ยุพิณได้ ซึ่งบอกกับตนว่า หลังเป็นข่าวก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นั่น แต่ขอดูสถานการณ์สักระยะ เพราะขณะนี้กระแสข่าวค่อนข้างคึกโครม
ด้านปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสั่งบริษัททัวร์ดูแลลูกทัวร์ให้รัดกุม หลังมีคนหนีกรุ๊ปทัวร์เกาหลีใต้จนกลายเป็นข่าวคึกโครม ซึ่งถือว่าเรื่องดังกล่าวกระทบกับชื่อเสียงของประเทศโดยตรง
ส่วนที่ลำปาง ครอบครัวของ น.ส.แสงจันทร์ แก้วบุญเรือง อายุ 43 ปี ที่ถูกลอยแพหลังเดินทางไปทำงานร้านสปาที่จีน เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งให้การช่วยเหลือ เพราะลูกสาวและเพื่อน 10 ชีวิต ถูกเลิกจ้างกะทันหัน ถูกนายจ้างยึดพาสปอร์ตและไม่ต่อวีซ่าให้ ล่าสุด เจ้าหน้าที่กงสุลไทยในกรุงปักกิ่งสอบถามกับ น.ส.แสงจันทร์ แล้ว โดยกรณีนี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองปักกิ่งแจ้งว่า เป็นการพำนักเกิน 180 วัน ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่จะอะลุ่มอล่วยให้เสียค่าปรับคนละ 10,000 หยวน จากนั้นสามารถเดินทางกลับไทยได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังมีเงินไม่พอเสียค่าปรับ เพราะถูกหลอก จึงขอให้กงสุลช่วยเหลือ.-สำนักข่าวไทย
