กกร.พร้อมหารือแบงก์ชาติดูแลเงินบาท

รร.ดุสิตฯ 6 มิ.ย. – กกร.จับตาประชุมเฟด 13-14 มิ.ย.จะปรับดอกเบี้ยขึ้นหรือคงเดิม แต่ดูสัญญาณเศรษฐกิจโลกขาขึ้นเห็นชัดส่งออกดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมหารือแบงก์ชาติหลังเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง 


นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม กกร ว่า ที่ประชุมมองว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังคงมีความกังวลต่อประเด็นด้านการเมือง ทั้งสหรัฐและยุโรป (การเลือกตั้งอังกฤษวันที่ 8 มิถุนายนนี้ และเยอรมนีเดือนกันยายน) ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ ซึ่งยังต้องติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นการปรับลดขนาดงบดุลของเฟดด้วย โดยทั้งประเด็นทางการเมืองและการดำเนินการของเฟด จะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์ในช่วงข้างหน้า

สำหรับเศรษฐกิจไทย ไตรมาสแรกปี 2560 ขยายตัวดีกว่าคาดร้อยละ 3.3 โดยเป็นผลจากการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งการส่งออกเดือนเมษายน 2560 ยังสามารถรักษาการเติบโตในเกณฑ์ดีได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็วช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของไทย กกร.จึงเห็นว่าควรจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น นอกจากนี้ พร้อมที่จะหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงแนวทางการผลักดันเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทต่อไป และทางเอกชนได้มีการทำประกันความเสี่ยงไว้แล้ว จึงเชื่อว่าความผันผวนค่าเงินช่วงนี้จะไม่กระทบมากนัก


ทั้งนี้ กกร.ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2560 น่าจะขยายตัวดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยหนุนด้านฤดูกาล ทั้งการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและการเร่งตัวของคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ตลอดจนคาดว่าโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) น่าที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น กกร.จึงยังคงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2560 ไว้ที่ร้อยละ 3.5-4 และคาดว่าการส่งออกจะเติบโตร้อยละ 2.0-3.5

ส่วนการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ IMD ประเทศไทยมีผลดีขึ้น ทั้งคะแนนและอันดับ โดยมีอันดับดีขึ้น 1 อันดับ (จากอันดับที่ 28 ในปี 2559 เป็นอันดับที่ 27 ในปีนี้) รวมทั้งมีคะแนนสูงขึ้นตลอด นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา และเริ่มมีแนวโน้มสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของทุกประเทศที่ได้รับการจัดอันดับตั้งแต่ปี 2558 หากพิจารณาเฉพาะ 5 ประเทศอาเซียนที่อยู่ในการจัดอันดับนี้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียแล้วไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาผลการจัดอันดับของไทยตามปัจจัยหลักที่ใช้ในการจัดอันดับทั้ง 4 ด้าน พบว่า ด้านสภาวะเศรษฐกิจ (Economic Performance) และด้านประสิทธิภาพของภาครัฐ (Government Efficiency) มีอันดับที่ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการต่าง ๆ ที่รัฐดำเนินการ เช่น การแก้ไขกฎระเบียบและปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐมีความสะดวกต่อการดำเนินธุรกิจ การให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน การปรับตัวของนโยบายภาครัฐ รวมถึงความคล่องตัวในการดำเนินนโยบาย ขณะที่ด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) และด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มีอันดับคงเดิม แต่เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยย่อยแล้ว พบว่าหลายปัจจัยมีอันดับที่ดีขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยย่อยโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี ที่ปรับตัวดีขึ้นถึง 6 อันดับ นอกจากนี้ ตัวชี้วัดเกี่ยวกับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาและบุคลากรด้านการวิจัย ปรับตัวดีขึ้นในทุกประเด็น รวมทั้งความสามารถในการสร้างนวัตกรรม (Innovation Capacity) ของประเทศ ก็ปรับตัวดีขึ้นถึง 9 อันดับจากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่าการเพิ่มสมรรถนะของภาคเอกชนเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เพื่อจะช่วยให้อันดับของประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอนของภูมิเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าปีหน้าอันดับความสามารถการแข่งขันของไทยจะมีอันดับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะปัจจัยที่เกิดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และ อีอีซีที่จะเริ่มส่งผลเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น  


นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพูดคุยกรณีที่กลุ่มประเทศอาหรับและอียิปต์ตัดสัมพันธ์ทางการทูตและคว่ำบาตรประเทศกาตาร์ คงต้องติดตามก่อนว่าจะกระทบอะไรมากกว่านี้หรือไม่ ด้านท่องเที่ยวชาวกาตาร์มาเที่ยวไทยปีละ 30,000 คนถือว่าไม่มาก และการค้าขายไทยนำเข้าแก๊สมากกว่าน้ำมัน และไทยค้าขายกับกาตาร์ก็ไม่มาก รวมถึงนักลงทุนไทยไปลงทุนก็ไม่มากเช่นกัน ดังนั้น จึงเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างกันมากนัก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทักษิณเหยียดผิว

“อังคณา” จี้ “ทักษิณ” ขอโทษ หลังปราศรัยเหยียดสีผิว-เชื้อชาติชาวแอฟริกัน

“อังคณา” จี้ “ทักษิณ” ขอโทษ หลังปราศรัยเหยียดสีผิว-เชื้อชาติชาวแอฟริกัน ชี้เสี่ยงทำประเทศไทยถูกนานาชาติตั้งคำถาม ขัดหลักการสิทธิมนุษยชน

ข่าวแนะนำ

ซิงซิง

ผลมติพบ “ซิงซิง” ตกเป็นผู้เสียหายค้ามนุษย์-ปลอดภัยดี พร้อมกลับบ้าน

“ซิงซิง” ตกเป็นผู้เสียหายค้ามนุษย์ หลังผลมติคัดแยก-คัดกรองออกแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ส่งตัวเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองแล้ว ให้ พม.ดูแลต่อ ขณะที่ทีมกฎหมายของดาราจีน เผยเจ้าตัวปลอดภัยดี พร้อมกลับบ้าน

เลือกตั้ง อบจ.

กกต.เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

กกต.จัดกิจกรรม kick off เปิดตัว “หมูเด้ง” เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง” ด้าน “อิทธพร” ให้ความมั่นใจพร้อมจัดการเลือกตั้งอย่างสุจริต

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ฝุ่นpm

เขตหนองแขม อ่วมฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง

คนกรุงเทพฯ อ่วม คุณภาพอากาศเช้านี้ ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานอยู่ระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ 1 พื้นที่ เขตหนองแขม และอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 69 พื้นที่