เชียงใหม่ 3 มิ.ย.-มะม่วงน้ำดอกไม้กำลังกลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจอีกชนิดของเชียงใหม่ที่ได้รับความนิยมจากตลาดต่างประเทศทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไปจนถึงยุโรปมากขึ้น แต่ละปีมีมูลค่านับพันล้านบาท โดยเฉพาะที่ อ.เวียงแหง ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ซึ่งกลายเป็นแหล่งปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ชั้นเยี่ยมของไทย สร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างเป็นกอบเป็นกำ
สวนมะม่วงน้ำดอกไม้หลายพันไร่ที่ปลูกตามเนินเขาในเวียงแหง กำลังให้ผลผลิตใกล้แก่เต็มที่ แต่ปีนี้เจอกับอากาศแปรรปวนผลผลิตน้อยลงร้อยละ 40 ชาวสวนจึงต้องเพิ่มการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้มะม่วงน้ำดอกไม้คุณภาพส่งออก อย่างสวนแห่งนี้พื้นที่ 120 ไร่ ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้มานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อถึงรุ่นลูก มีทั้งน้ำดอกไม้พันธุ์เบอร์ 4 ที่หอมหวานและพันธ์สีทอง ที่ผิวสวยและหวานฉ่ำ แต่ละปีมีผลผลิตมากกว่า 100 ตัน คัดคุณภาพ ตั้งแต่ขนาด 3 ลูก 1 กิโลกรัม เปลือกผิวสวยไม่มีตำหนิ ไม่มีสารเคมีตกค้าง ส่งออกไปขายยังจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศแถบยุโรป ที่นิยมกินมะม่วงน้ำดอกไม้ของไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
สวนแห่งนี้ เป็นต้นแบบการปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ส่งออกของที่นี่ มีการรวมกลุ่มเกษตรกรกว่า 30 ราย ตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้เพื่อการส่งออก ปีหนึ่งส่งมะม่วงน้ำดอกไม้ออกขายทั้งในและต่างประเทศไม่น้อยกว่า 500 ตัน บางปีผลผลิตดีมีถึง 1,000 ตัน เพราะเวียงแหงดินดำ น้ำชุ่ม แถมอากาศเย็นตลอดปี ทำให้มะม่วงน้ำดอกไม้ของเวียงแหงออกช้ากว่าพื้นที่อื่นราว 1 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่มะม่วงในตลาดเหลือน้อย จึงขายได้ราคา ส่วนใหญ่ได้มากกว่ากิโลกรัมละ 100 บาทขึ้นไป สร้างรายได้ให้เกษตรกรที่นี่ปีละนับร้อยล้านบาท
มะม่วงจึงกลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของเชียงใหม่ จากพื้นที่ปลูกกว่า 50,000 ไร่ ให้ผลผลิตปีละเกือบ 60,000 ตัน มูลค่านับพันล้านบาท ในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 60 เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งในอนาคตนอกจากจะรักษาคุณภาพแล้ว ยังจะส่งเสริมให้เกษตรกรแปรรูปเป็นน้ำมะม่วง มะม่วงน้ำดอกไม้อบแห้ง เพิ่มมูลค่าสินค้าและรายได้จากมะม่วงน้ำดอกไม้เชียงใหม่ให้มากขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย