กรุงเทพฯ 28 พ.ค. – “มิตซูบิชิ” เทรดเดอร์ญี่ปุ่นรายใหญ่ระดับโลกเตรียมจดทะเบียนเป็นผู้ค้ามาตรา 7 ในไทยนำเข้าแอลพีจี หลังไทยเปิดเสรีและก๊าซอ่าวไทยลดลง ด้านสยามแก๊สฯ เตรียมพร้อมสร้างคลังสุราษฎร์ธานี หากคลังสุขสวัสดิ์ยังเปิดไม่ได้ ตลาดค้าส่งคึกร้านค้ายิ้ม “ปตท.-สยามแก๊ส” ตัดราคา
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิวัฒน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท “มิตซูบิชิ” เข้ามาพูดคุย โดยแสดงความสนใจจดทะเบียนเป็นผู้ค้ามาตรา 7 ที่จะนำเข้าก๊าซแอลพีจีมาจำหน่ายแบบค่าส่งในไทย เนื่องจากมั่นใจนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมตลาดเสรี ซึ่งแม้ขณะนี้ตลาดค้าแอลพีจีในประเทศจะหดตัวและการนำเข้าลดลงเหลือระดับ 20,000 ตัน/เดือน เพราะภาคยานยนต์เปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซฯ เป็นน้ำมัน แต่ในอนาคตหลังจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยลดลง และยังมีผลการเปิดประมูลปิโตรเลียมแหล่งเก่าและแหล่งใหม่ล่าช้า ก็ประเมินว่าปี 2562-2563 ไทยจะต้องนำเข้าไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน/เดือน และเพิ่มเป็นระดับ แสนตัน/เดือนในปี 2564-2565
“ยิ่งมีผู้มากรายก็ยิ่งแข่งขันกันมากขึ้นเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ส่วนราคาแอลพีจีราคาตะวันออกกลางทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 400 ตัน/กก. โดยราคาขายปลีกจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ต้นเดือนมิถุนายน” นายวิฑูรย์ กล่าว
สำหรับการป้องกันการขาดแคลนแอลพีจีในอนาคต ทาง ธพ.อยู่ระหว่างเสนอกระทรวงพลังงานให้เพิ่มสำรองแอลพีจี เป็นร้อยละ 2.5 ของปริมาณจำหน่ายจากปัจจุบันสำรองอยู่ที่ร้อยละ 1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ส่วนผู้นำเข้าแอลพีจีจะสามารถใช้ระบบคลังลอยน้ำ หรือ SHIP TO SHIP ได้ 3 ปีนับจากปีนี้เท่านั้น หลังจากนั้นจะต้องนำเข้าเป็นท่าเรือถาวรมีคลังชัดเจน เช่น เดียวกับคลังเขาบ่อยา ของ บมจ.ปตท. จังหวัดชลบุรี
นางจินตนา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ปิโตรเคมีคัลล์ จำกัด (มหาชน) หรือเอสจีพี กล่าวว่า แม้จะต้นทุนเพิ่มจากการต้องลงทุนสำรองก๊าซตามนโยบายรัฐบาล ทำให้รายใหญ่ เช่น ปตท.ได้เปรียบกว่า แต่ทางเอสจีพี ก็ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งขณะนี้หวังว่า “คลังสุขสวัสดิ์” ที่ก่อสร้างและได้ใบอนุญาตหมดแล้ว แต่ยังเปิดดำเนินกิจการไม่ได้ เพราะชาวบ้านไปฟ้องร้องศาลปกครองอยู่นั้น หากศาลตัดสินว่าเปิดดำเนินการได้ ก็จะใช้พื้นที่แห่งนี้สำรองและนำเข้า แต่หากไม่ได้ ก็ต้องใช้ที่ดินของบริษัทที่มีอยู่หลายแห่งสร้างท่าเรือและคลังนำเข้าแห่งใหม่ เช่น จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
นางจินตนา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ราคาหุ้นของเอสจีพีที่ปรับขึ้นสูงคาดว่านักลงทุนจะมั่นใจผลประกอบการของบริษัทที่ไตรมาส 1/2560 มีกำไรสุทธิประมาณ 1.143 พันล้านบาท โดยการเติบโตมาจากตลาดต่างประเทศเป็นหลักโดยเฉพาะที่จีนโตร้อยละ 40 ภาพรวมแล้วปีนี้คาดว่าจะมียอดขายในต่างประเทศรวม 3 ล้านตันจากปีที่แล้ว 2 ล้านตัน ส่วนในประเทศคาดจะมียอดทรงตัว 1 ล้านตัน/ปี ตามภาวะตลาดและในส่วนที่เอสจีพีนำเข้าแอลพีจีมาจำหน่ายขณะนี้นำมาแบบ SHIP TO SHIP ที่ 22,000 -44,000 ตัน/เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเอสจีพีเริ่มนำเข้าแอลพีจีมาจำหน่าย ทำให้เกิดการแข่งขัน เพราะต้นทุนของเอสจีพีถูกกว่าต้นทุนนำเข้าของ ปตท. เนื่องจากเป็นเอกชน ทำให้ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการจัดซื้อที่สามารถซื้อจากทุกแหล่ง แม้ว่าจะเป็นประเทศที่ถูกการคว่ำบาตรทางการค้า ส่งผลให้เอสจีพี ตัดราคาค้าส่งได้ต่ำกว่าปตท. 10 สตางค์/กก. แต่เพื่อป้องกันการแย่งลูกค้า ปตท.ลดราคาขายให้ต่ำกว่าอีก 30 สตางค์/กก. ปรากฏการณ์นี้แม้รายย่อยยังไม่ได้ประโยชน์จากการลดราคาจำหน่าย แต่คาดว่าเมื่อมีการแข่งขันนำเข้ารุนแรงขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคระยะยาว ทั้งนี้ การเตรียมแผนนำเข้าของ “มิตซูบิชิ” นั้น ได้มีการหารือกับบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด เพื่อนำเข้าในระยะแรกแบบ SHIP TO SHIP บริเวณเกาะสีชัง จ.ชลบุรี. -สำนักข่าวไทย