นนทบุรี 28 พ.ค. – กรมการค้าภายในยืนยันเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามการร้องเรียนของผู้บริโภค กรณีถูกร้านอาหารปัดเศษสตางค์ขึ้น ไม่มีการเรียกค่าปรับและยัดข้อหา
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรณีที่มีการแพร่กระจายข่าวในหนังสือพิมพ์และสื่อโซเชียลว่ามีข้าราชการกรมการค้าภายในตระเวนรับประทานอาหารตามร้านที่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีการยัดข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากทางร้านปัดเศษเงินทอนนั้น กรมการค้าภายในขอชี้แจงว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกรณีดังกล่าวพบว่าเรื่องเริ่มจากที่กรมการค้าภายในได้รับคำร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ว่ามีร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าบนถนนสุขุมวิทปัดเศษสตางค์ จากราคาน้ำดื่มรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ 35.31 บาท ปัดเป็น 36 บาท พนักงานเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียน จึงทดลองสั่งอาหารมารับประทานเพื่อทดสอบดูตามขั้นตอน และพบว่าเมื่อชำระเงิน มีการปัดเศษสตางค์ขึ้นจริง พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับทางร้านว่า ร้านฯ จำหน่ายไม่ตรงกับราคาที่แสดงไว้เป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 45 พ.ศ.2560 เรื่องการแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางพนักงานแจ้งว่าเนื่องจากราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ทางร้านแสดงไว้จะเป็นราคาที่ยังไม่รวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ค่าบริการร้อยละ 10 การคิดเงินจึงมีเศษสตางค์ทางร้านฯ จึงปัดเศษสตางค์ขึ้นเป็นจำนวนเต็มบาททุกครั้ง ซึ่งพนักงานร้านฯ ไม่ยินยอมชำระค่าปรับและไม่ลงลายมือชื่อ เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังสถานีตำรวจท้องที่ เพื่อเชิญผู้แทนของทางร้านฯ ไปสถานีตำรวจเพื่อดำเนิคดี แต่ผู้แทนของทางร้านฯ ไม่ยินยอมเดินทางไปสถานีตำรวจพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหากับทางร้านดังกล่าวที่สถานีตำรวจ ซึ่งเวลาต่อมาทางร้านยินยอมให้เปรียบเทียบคดีและเดินทางมาชำระค่าปรับ 3,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนของการตรวจสอบราคาสินค้าและบริการโดยเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องไปสั่งอาหารและจ่ายเงินเพื่อให้มีใบเสร็จ ไม่มีการยัดเยียดข้อหาหรือไปเรียกค่าปรับเอาตามอำเภอใจตามที่มีข่าวอย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่สามารถไปยื่นเรื่องที่สถานีตำรวจได้
สำหรับผู้จำหน่ายปลีกสินค้าตามบัญชี ก. รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จจะต้องแสดงราคาจำหน่ายปลีก เมื่อแสดงแล้วต้องจำหน่ายให้ตรงกับราคาที่แสดงไว้ ดังนั้น โดยหลักแล้วเมื่อมีการคิดเงินค่าอาหารรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการแล้ว มีหน่วยเป็นเศษสตางค์ผู้จำหน่ายต้องเรียกเก็บค่าอาหารจากผู้บริโภคตรงตามราคาดังกล่าว ไม่สามารถปัดเศษสตางค์และเรียกเก็บค่าอาหารจากผู้บริโภคเพิ่มได้ แต่หากไม่มีเงินเศษสตางค์ใช้ทอนได้ ก็ควรปัดเศษสตางค์ลง เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค และไม่เป็นการฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว หากผู้ประกอบการร้านอาหารมีพฤติกรรมคิดค่าอาหารโดยปัดเศษสตางค์ขึ้นเป็นจำนวนเต็มกับผู้บริโภคทุกครั้งนับเป็นการจงใจเอาเปรียบผู้บริโภค
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าภายในขอยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้มีเจตนาคุ้มครองผู้บริโภคตามที่ได้รับการร้องเรียนมาเท่านั้น หากผู้ประกอบการรายใดมีข้อสงสัยว่าบุคคลที่เข้าไปตรวจสอบที่ร้านเป็นเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในจริงหรือไม่ หรือหากประชาชนพบเห็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค หรือมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับราคาสินค้าและบริการ สามารถสอบถามมาได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569.-สำนักข่าวไทย