สธ.24 พ.ค.-สธ.กำชับรพ.ในสังกัดทั่วประเทศ ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาพร้อมเฝ้าระวังภัยจากฝนตกหนัก ให้กรมสบส.เตรียมพร้อมทีมวิศวกรฉุกเฉิน (เอ็มเสิร์ท) ช่วยเหลือรพ.ที่ประสบภัยตลอด24 ชั่วโมง ดูแล 5 ด้านสำคัญ คือไฟฟ้า ประปา ระบบสื่อสาร เครื่องมือแพทย์ และอาคารสถานที่ ไม่ให้กระทบกับการจัดบริการผู้ป่วย
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่24-28 พ.ค.นี้ ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือและด้านตะวันออกของภาคเหนือในระยะแรก หลังจากนั้น ภาคกลางและภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลจะได้รับผลกระทบ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก จึงได้สั่งการให้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตรียมพร้อมทีมวิศวกรฉุกเฉินหรือทีมเอ็มเสิร์ท (Medical Supportive Emergency Response Team : MSERT) จากกองวิศวกรรมการแพทย์ กองแบบแผน และสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 1- 12 เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือโรงพยาบาลและหน่วยงานในสังกัดที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับทีมเอ็มเสิร์ทจะดูแลในระบบที่สำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วย ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสื่อสาร เครื่องมือแพทย์ และอาคารสถานที่ ทั้งนี้ เพื่อให้โรงพยาบาลและหน่วยบริการปลอดภัยหรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ช่วยลดภาระงบประมาณในการดูแลช่วยเหลือและฟื้นฟูสถานพยาบาล ที่สำคัญคือให้พร้อมบริการประชาชน
ด้าน นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมได้ส่งทีมเอ็มเสิร์ท จากสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 2 จังหวัดพิษณุโลก และสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 3 จังหวัดนครสวรรค์ เข้าให้การดูแล และช่วยเหลือ ฟื้นฟูสถานพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในจังหวัดทางภาคเหนือ พบสถานพยาบาลได้รับความเสียหาย 2 แห่ง คือ1.โรงพยาบาลพรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ระบบสูบน้ำประปาของโรงพยาบาล หน่วยซักฟอก หน่วยจ่ายกลาง ระบบไฟฟ้า ห้องประชุม และระบบไฟฟ้าสำรองได้รับความเสียหาย ซึ่งทีมเอ็มเสิร์ทได้ดำเนินการตรวจซ่อม แก้ไขบำรุงรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนระบบบริการสุขภาพที่เกิดความเสียหายให้กลับมาใช้งานได้เรียบร้อยแล้ว 2.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสามพวง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัยน้ำยังท่วมขังอยู่ พบชุดยูนิตทำฟันได้รับความเสียหายประเมินความเสียหายประมาณ 450,000 บาท โดยทีมเอ็มเสิร์ทจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้กองสุขศึกษาและกองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรม สบส.ได้ร่วมสนับสนุนสื่อความรู้ด้านสุขภาพป้องกันโรคในสถานการณ์ น้ำท่วมเพื่อให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ เช่น โรคน้ำกัดเท้า โรคตาแดง และได้ประสานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมสอดส่องเฝ้าระวังประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในเหตุการณ์น้ำท่วมด้วย.-สำนักข่าวไทย