ย้อนเหตุระเบิดยุค คสช.

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-ภายหลังการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นวันครบรอบ 3 ปีในวันนี้ เกิดเหตุระเบิดป่วนหลายครั้ง



เหตุการณ์ระเบิดครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 คนร้าย 2 คนร้ายนำระเบิดมาวางไว้ด้านหน้าจุดบริการด่วนมหานครของสำนักงานเขตปทุมวัน บริเวณทางเชื่อมเข้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ภายในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ก่อนระเบิดขึ้น มีผู้บาดเจ็บ 3 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต 


เหตุระเบิดครั้งที่ 2 เป็นเหตุการณ์ระเบิดศาลอาญา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2558 จับ 2 ผู้ต้องหาปาระเบิดได้ทันควัน รับโทษจำคุกคนละ 5 เดือน ไม่รอลงอาญา ขยายผลจับกุมมีผู้ร่วมก่อเหตุได้อีกหลายคน สาเหตุมาจากกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมืองต้องการสร้างสถานการณ์

ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 17 สิงหาคม 2558 นับเป็นโศกนาฏกรรมที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก กับเหตุระเบิดแสวงเครื่องหรือทีเอ็นที น้ำหนักราว 3 กิโลกรัม รัศมีทำลายล้างไกล 100 เมตร เกิดระเบิดขึ้นภายในศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. มีผู้เสียชีวิตรวม 20 คน และบาดเจ็บ 163 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ


ภายหลังเกิดเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ได้เพียง 1 วัน ช่วงบ่ายโมงครึ่ง วันที่ 18 สิงหาคม คนร้ายโยนระเบิดจากบนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ลงมาที่ท่าเรือสาทรฝั่งพระนคร ตำรวจคาดว่าคนร้ายต้องการโยนลงที่ท่าเรือ แต่พลาดตกลงแม่น้ำ ซึ่งไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ขณะที่ปี 2559 เหตุระเบิดเกิดในพื้นที่ภาคใต้จากปัญหาความไม่สงบ เช่น เมื่อวันที่ 11-13 สิงหาคมที่เกิดเหตุเกือบ 20 จุด กระจายตามจังหวัดภาคใต้ตอนบน

ส่วนปีนี้ 2560 เหตุระเบิดป่วนกรุงเทพมหานคร ครั้งแรกของปีนี้เกิดขึ้นวันที่ 5 เมษายน 2560 เป็นระเบิดไปป์บอมบ์ ซุกซ่อนในถังขยะ ระเบิดขึ้นบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหลังเดิม ริมถนนราชดำเนิน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคุมเข้มหวั่นเกิดเหตุซ้ำ เนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์

ครั้งต่อมาวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 เกิดเหตุระเบิดบริเวณใกล้ป้ายรถเมล์หน้าโรงละครแห่งชาติ พบเป็นระเบิดไปป์บอมบ์ตั้งเวลาด้วยไอซี ไทม์เมอร์ ซึ่งเป็นระเบิดชนิดเดียวกันที่เกิดขึ้นที่บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.พระมงกุฎเกล้า ระเบิดซุกซ่อนอยูภายในแจกันดอกไม้ ถูกคนร้ายนำมาตั้งวางไว้ในห้องวงษ์สุวรรณ ใกล้จุดจ่ายจานายทหารสัญญาบัตร จนมีผู้บาดเจ็บกว่า 20 คน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัดบางพื้นที่-กทม.ฟ้าคะนอง 10%

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 10% ส่วนมากช่วงบ่ายถึงค่ำ

สอบเข้ม “ชวนหลิง จาง” กรรมการไชน่า เรลเวย์ฯ ปฏิเสธทุกข้อหา

ดีเอสไอสอบเข้ม “ชวนหลิง จาง” กรรมการ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อหา อ้างเป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจจีนมาลงทุนในไทย ถูกส่งมาบริหารบริษัทในไทยเท่านั้น

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

นักธรณีคาดดินยุบตัว เพราะเป็นจุดทางน้ำไหลผ่านจนเกิดโพรง

นักธรณีวิทยาลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดินยุบตัว กินพื้นที่กว่า 4 ไร่ เบื้องต้นคาดเป็นจุดทางน้ำไหลผ่านจนเกิดโพรง ทำให้ดินยุบตัวเป็นวงกว้าง