หนองคาย 22 พ.ค.- ศุลกากรหนองคายส่งของกลางหลอดทรงกรวยให้ สสจ.ตรวจห้องแล็บ หลังยึดได้จากขบวนการอุ้มบุญ ชี้หากเป็นโครโมโซมมนุษย์เตรียมเอาผิดทางกฎหมาย
เมื่อเวลา 14.00 น. (22 พ.ค.) นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมนายพิชิต ลีลาศ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาหนองคาย ร่วมตรวจสอบของกลางที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองจ.หนองคาย หลังตรวจยึดได้จากขบวนการอุ้มบุญที่เดินทางกลับจาก สปป.ลาว เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกล่องโฟมที่มีการบรรจุหลอดรูปทรงกรวยความยาว 2 ซม. ปิดผนึกด้านหน้า จำนวน 46 แท่ง ด้านบนฝากรวยปิดผนึกแน่นหนา มีตัวอักษรระบุ yy/ xy/xx และวันที่ไว้ จากนั้นนายด่านศุลกากรได้ส่งมอบหลอดทรงกรวยทั้งหมดให้กับนายพิชิต นำไปตรวจพิสูจน์ทางห้องปฏิบัติการว่าภายในหลอดบรรจุสิ่งใด
นายพิชิต กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าหลอดรูปทรงกรวยเหล่านี้จะเป็นโครโมโซมมนุษย์ ดูจากรหัสที่เขียนได้ด้านบนฝาผนึกคล้ายกับรหัสที่ระบุโครโมโซมเพศหญิงเพศชาย ซึ่งตามปกติโครโมโซมมนุษย์จะมี 23 คู่ 46 แท่ง โดย 44 แท่ง เป็นโครโมโซมปกติ ส่วนอีก 2 แท่งจะเป็นโครโมโซมระบุเพศชายหรือหญิง และจำนวนที่พบก็ตรงจำนวน 46 แท่ง ตามหลักทางการแพทย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการ หรืออีกนัยหนึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสารเคมีที่อาจจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการฝังตัวอ่อน หรืออุ้มบุญได้เช่นกัน ประกอบกับการเก็บรักษาในกล่องโฟมรักษาอุณหภูมิในห้องเย็นด้วยการใส่น้ำแข็งแห้งจำนวนมาก คล้ายห้องเย็นปลอดเชื้อ คาดว่าภายในหลอดเป็นสารหรือองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการอุ้มบุญ โดยจะได้ติดต่อทางโรงพยาบาลหนองคายว่าสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ หากไม่สามารถดำเนินการได้จะส่งไปยังส่วนกลางพิจารณาตรวจสอบให้ ขณะเดียวกันได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมส่งให้กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับอำนาจจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าทุกข์กล่าวโทษกับกองปราบให้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย
ด้านนายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบเดินทางมาขอเอกสารการจับกุมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากศุลกากรไปแล้ว เพื่อนำไปประกอบการดำเนินคดี ซึ่งวันนี้หลังจากส่งมอบของกลางในกล่องโฟมแล้วต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางห้องแล็บปฏิบัติการ หากเป็นโครโมโซมมนุษย์จะเรียกตัวนายนิคม สิมารัตน์ คนขับรถที่พาหญิงสาว 6 คน ไปทำอุ้มบุญมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 พร้อมกันนี้ได้ทำแผนผังเส้นทางการเคลื่อนไหวในขบวนการอุ้มบุญ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่น่าเชื่อได้ว่าคลินิกใหญ่ 4 แห่ง ในไทย กับคลินิกในประเทศเพื่อนบ้านว่าจ้างกลุ่มบุคคลนำตัวอ่อนหรือเชื้ออสุจิไปทำการผสม ให้กับหญิงไทยรับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งพบว่าบางคนมีประวัติการเดินทางไปนอกประเทศมาก่อน.-สำนักข่าวไทย