สุรชัย ห่วงกฎหมายลูกแนะตีความให้ชัดไม่อยากเห็นขัดแย้ง

จันทบุรี 21 พ.ค.- รองประธาน สนช. ฝาก กมธ.พิจารณาร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับตีความกรอบเวลาการเลือกตั้งภายใน 150 วันให้ชัดเจน


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวปิดการสัมมนาเรื่องร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่โรงแรมนิวแทรเวล ลอด์จ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 20-21 พฤษภาคมว่า เป้าหมายของการสัมมนาครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อหาข้อยุติ แต่เพื่อรับฟังความเห็นจากสมาชิกประกอบการตัดสินใจ เมื่อร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่การประชุม สนช. และสมาชิก สนช.ต้องนำข้อดีข้อเสียที่กรรมาธิการได้ชี้แจงมาชั่งน้ำหนักแล้วตัดสินใจด้วยตนเองบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งนี้หากพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับเสร็จสิ้น ก็จะนำไปสู่การเลือกตั้งภายใน 150 วัน ซึ่งยังเป็นปัญหาว่า กรอบเวลาดังกล่าวรวมถึงการประกาศผลการเลือกตั้งหรือไม่ ดังนั้นจึงฝากให้คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ไปพิจารณาหาความชัดเจน หลังจาก กกต. และ กรธ. มีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า เรื่องนี้สามารถกำหนดให้ชัดเจนในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. 

“ผมขอฝากคณะกรรมาธิการที่พิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ ต้องพิจารณาร่างกฎหมายเพื่อตอบโจทย์การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมืองต่อไปในอนาคต ทำอย่างไรให้มีกฎหมายส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจอย่างแท้จริงในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำอย่างไรที่จะได้มีกฎหมายที่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยที่การเมืองไม่ถูกผูกขาดด้วยนักการเมือง ผมไม่ต้องการเห็นการตั้งกรรมาธิการร่วมเพื่อหาทางออกกรณีมีความขัดแย้งในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงฝากให้คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเป็นอย่างดี อย่าให้บทบัญญัติในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขัดต่อรัฐธรรมนูญ”นายสุรชัย กล่าว


ด้านพลเอกศุภวุฒิ อุตมะ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.สนช. กล่าวว่า ประเด็นในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ที่ค้างการพิจารณา คือ ประเด็นการยกเลิก กกต.จังหวัดแล้วให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งแทน และการคงอยู่ของ กกต.ชุดปัจจุบัน ซึ่งประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น ได้วิเคราะห์ว่า ข้อดีของการกำหนดให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง จะเป็นการปรับรูปแบบใหม่ ลดข้อครหาการใช้อำนาจที่ไม่เป็นกลางของ กกต.จังหวัด ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบมากขึ้น สนับสนุนการผลิตงานของ กกต. ลดข้อครหาเรื่องความใกล้ชิดของพื้นที่ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเป็นอิสระ คล่องตัว อีกทั้งคุณสมบัติของผู้ตรวจการเลือกตั้งก็กำหนดไว้สูง และจะช่วยถ่วงดุลอำนาจของผู้อำนวยการ กกต.จังหวัดด้วย แต่ข้อดีของ กกต.จังหวัด ก็จะเข้าใจพื้นที่มากกว่า ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่า อีกทั้ง กกต.จังหวัด มีความผูกพันในพื้นที่มากกว่าและผู้ตรวจการเลือกตั้งจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเทียบกับ กกต.จังหวัด 

ทั้งนี้ จากการสัมมนา สมาชิก สนช.ได้มีข้อสังเกตว่า รูปแบบของผู้ตรวจการเลือกตั้ง ไม่เคยมีใช้ในประเทศใดมาก่อน จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และจากที่ กรธ.มีข้อสังเกตว่า การเลือกตั้งล้มเหลวเพราะ กกต.จังหวัดนั้น เป็นความจริงหรือไม่ ขณะที่การปฏิบัติงานของผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น จะต้องทำงานเต็มเวลาหรือไม่ และหากผู้ตรวจการเลือกตั้ง มีภูมิลำเนาอยู่เชียงใหม่ แต่จับสลากได้ไปอยู่ในจังหวัดยะลา จะต้องย้ายไปหรือไม่ ซึ่งจากความเห็นทั้งหมดนี้ คณะกรรมาธิการจะนำกลับไปหารือ และขอความเห็นจาก กรธ. กกต.และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาสรุปต่อไป

ส่วนเรื่องการคงอยู่ของ กกต. ชุดปัจจุบัน ในการสัมมนาเห็นว่า ควรยึดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 273 ที่ให้การคงอยู่นั้นขึ้นอยู่กับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับว่า กฎหมายจะกำหนดไว้อย่างไรก็ได้ เบื้องต้นได้แบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ การเซ็ตซีโร่ ให้มีการสรรหาคณะกรรมการ กกต. ใหม่ทั้งหมด / การรีเซ็ตโดยให้ กกต. ที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญ พ้นตำแหน่งและสรรหาเพิ่มทำจำนวนที่ขาดไป และอีกแนวทาง คือ ให้ กกต. ชุดปัจจุบันอยุ่ต่อไปจนครบวาระตามที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ปี2550 กำหนด 


ทั้งนี้ สมาชิกส่วนใหญ่กำหนดหลักการพิจารณา ว่า ต้องยึดหลักกฎหมาย จะต้องไม่มีผลย้อนหลัง และต้องคำนึงถึงหลักปัจเจกชนด้วย พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า การคงอยู่ของกกต.ชุดปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ หากในรัฐธรรมนูญ มีบทเฉพาะกาล จะต้องพิจารณาที่บทเฉพาะกาลก่อน โดยยังไม่ต้องไปคำนึงถึงบทหลักว่าจะขัดหรือแย้งหรือไม่

ด้านพลเอกสมเจตน์ บุญถนอม ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวว่า เรื่องการจ่ายทุนประเดิมจัดตั้งพรรคการเมือง ยังมีความเห็นที่หลากหลาย บางส่วนเห็นว่า ไม่ควรมี เพราะจะเป็นการขวางกั้น ไม่ให้ผู้ยากไร้ได้จัดตั้งพรรคการเมือง แต่บางส่วนเห็นว่า ควรจะมี เพราะพรรคการเมืองจะได้ไม่เป็นเครื่องมือของนายทุน ขณะที่การจ่ายค่าบำรุงสมาชิกพรรคการเมือง มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่ในร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ กำหนดให้ต้องจ่ายค่าสมาชิก เพราะในอดีต สมาชิกและพรรคการเมืองไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน ไม่มีการดำเนินการกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกและพรรคการเมือง จึงเกิดการสมัครสมาชิกซ้ำซ้อนในหลายพรรคการเมือง โดยในร่างนี้ กำหนดให้จ่ายไม่น้อยกว่า 100 บาทต่อปี แต่บางส่วนเห็นว่า ควรให้จ่ายน้อยกว่า 100 บาทต่อปี หรือในปีแรกควรจะงดเว้นการเก็บค่าสมาชิก นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการปฏิรูปพรรคการเมือง ที่เสนอให้สมาชิกพรรคการเมืองมีส่วนในการเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]