ฉะเชิงเทรา 13 พ.ค.-ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา จับกุมผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นการขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาแล้วให้โทรติดต่อขอซื้อยาบ้า จนเกิดการขับรถไล่ล่าจับกุมขึ้น
นี่เป็นภาพขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดขับรถปาดหน้ารถของคนร้ายจนเสียหลักชิดขอบถนน ก่อนที่รถเจ้าหน้าที่อีกคันที่ตามมาจะประกบปิดท้าย ทำให้รถคนร้ายไม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้ ก่อนจะเข้าจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คน ภายในรถพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ รวมทั้งในตัวคนร้ายด้วย ส่วนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่และของคนร้ายเสียหายทั้ง 2 คัน
การไล่ล่าจับกุมครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากตำรวจภูธรฉะเชิงเทราวางแผนนำกำลังเข้าจับกุมนายรังษิต มินาคา หรือ “นัด ช้างไล่” พร้อมของกลางยาบ้า 19 เม็ด ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาบอกว่าสั่งซื้อยาบ้ามาจาก “ขาว สำโรง” หรือนายขันทอง เอี๊ยบเจริญ อายุ 41 ปี จึงขยายผลทันที โดยให้นายรังษิตโทรศัพท์ติดต่อขอซื้อยาบ้า 30 เม็ด ราคา 3,000 บาท จากนั้นนัดหมายกันที่ถนนเลียบคลองชลประทานบางบ่อ-หัวสำโรง ด้านหลังวัดอ่าวช้างไล่
เมื่อถึงเวลานัด นายขันทอง เอี๊ยบเจริญ มากับคนขับทราบภายหลังคือ นายศักดิ์นรินทร์ หรือมอส สุจริตวงศานนท์ อายุ 24 ปี ขับรถเก๋งเชฟโรเลต สีบรอนซ์-ทอง ทะเบียน กธ 920 ฉะเชิงเทรา แต่พอเห็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนขับพยายามขับหลบหนี มุ่งหน้าออกไปทางถนนสาย 331 เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด เมื่อสบโอกาสจึงขับรถแซงขึ้นก่อนปาดซ้ายขวา เพื่อให้คนร้ายหยุดรถ แต่รถคนร้ายเร่งความเร็วขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ก็ขับไล่ตามไปจนถึงสามแยก ก่อนถึงถนนสาย 331 (พนมสารคาม-สัตหีบ) ประมาณ 500 เมตร จึงตัดสินใจขับรถปาดหน้าเบียดรถคนร้ายอีกครั้ง ทำให้รถคนร้ายเสียหลัก จนควบคุมตัวไว้ได้
ตรวจค้นในรถยนต์พบของกลางยาบ้า 30 เม็ด บรรจุในถุงพลาสติกใส วางในซอกคันเกียร์ และอีก 50 เม็ด ซ่อนอยู่ในถุงเท้าข้างซ้ายของนายขันทอง สอบสวนสารภาพว่าสั่งซื้อยาบ้ามาจากนายเล็ก ไม่ทราบนามสกุล บ้านอยู่หัวสำโรง อำเภอแปลงยาว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามจับกุมตัวต่อไป ทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย สำหรับนายรังษิต มินาคา จะถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน แต่จะได้รับการพิจารณาลดโทษ เนื่องจากสมัครใจให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการขยายผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด.-สำนักข่าวไทย