กทม. 9 พ.ค.-มีรายงานการช่วยเหลือเด็กและผู้หญิง เหยื่อจากการค้ามนุษย์ในไทย ได้กว่าพันคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กลาวและเด็กไทยใหญ่จากเมียนมาร์ ขณะที่นักวิชาการ เครือข่ายด้านเด็กและสตรี เรียกร้องให้เลิกใช้วาทกรรม “เด็กยินยอม” เพื่อตัดตอนการดำเนินคดีกับผู้ค้ากามเด็กและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
วาทกรรม “เด็กยินยอม” ถูกใช้เป็นข้ออ้างแสวงหาประโยชน์ทางเพศต่อเด็กและเยาวชน เพื่อตัดตอนการดำเนินคดี สร้างความชอบธรรมให้ผู้ซื้อบริการและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมานานหลายสิบปี
เช่นเดียวกับการค้าประเวณีที่แม่ฮ่องสอน มีเด็กอายุตั้งแต่ 14 ปี ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 20 ราย ซึ่งกำลังมีการขยายผลดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง ขณะที่นักวิชาการ เครือข่ายเด็กและสตรี มองว่าควรช่วยแก้ปัญหาทางสังคมควบคู่ไปด้วย เช่น ความยากจน การศึกษา และครอบครัวแตกแยก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยหลักให้เด็กก้าวเข้าสู่วงจรค้าประเวณี และถอนตัวยาก
นักกฎหมายด้านการค้าประเวณีเด็กและเยาวชนบอกว่า การซื้อบริการเด็ก ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาการดำเนินคดีกับขบวนการค้าเด็กทำได้ยาก มีหลายคดีที่สร้างหลักฐานเท็จให้เด็กมีอายุเกิน 18 ปี และบังคับให้เด็กให้การว่ายินยอม สุดท้ายคดีจบด้วยการยอมความ ปัจจุบันไทยมีกฎหมายคุ้มครองเด็กจากการค้าประเวณีที่ครอบคลุม แต่ในทางปฏิบัติอาจต้องปรับทัศนคติผู้ใช้กฎหมายบางคน
ในการสัมมนาเสนอให้ปรับแก้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี มาตรา 8 ที่เจ้าหน้าที่มักตีความว่าผู้ซื้อบริการจะมีความผิดก็ต่อเมื่อใช้บริการเด็กต่ำกว่า 18 ในสถานค้าประเวณี ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ไม่ว่าจะใช้บริการเด็กในที่ใดก็มีความผิดทั้งสิ้น
ข้อมูลจาก Alliance Anti Trafic ระบุว่า ในรอบ 5 ปีมานี้มีเด็กและผู้หญิงตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และได้รับความช่วยเหลือในไทย 1,039 คน พบมากสุดเป็นเด็กผู้หญิงจากลาว 545 คน รองลงมาคือเมียนมาร์ เป็นเด็กไทยใหญ่ 250 คน และเด็กไทย 132 คน แม้ปีที่แล้วไทยจะได้รับการปรับสถานะสถานการณ์การค้ามนุษย์อยู่ในอันดับเทียร์ 2 เฝ้าระวัง แต่สิ่งที่สหรัฐยังจับตาเป็นพิเศษคือ การที่เจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการค้ามนุษย์ และดำเนินคดีอย่างจริงจัง.-สำนักข่าวไทย