กรุงเทพฯ 28 เม.ย. – มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคค้านขึ้นค่าไฟฟ้าเอฟที ชี้สวนทางราคาก๊าซที่มีแนวโน้มลดลง
จากมติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อ 19 เมษายน 2560 มีมติเห็นชอบให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟที งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมเพิ่มขึ้น 12.52 สตางค์/หน่วย ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 7 เดือน โดยอ้างว่าเป็นผลจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูง และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.50 บาท/หน่วย จากเดิม 3.38 บาท/หน่วยนั้น
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดแถลงข่าว “มาฟังเหตุผล ทำไมต้องขึ้นค่าไฟฟ้า (Ft)” นายประสาท มีแต้ม ประธานอนุกรรมการด้านการบริการสาธารณะ คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน กล่าวว่า ขอตั้งคำถามต่อกรณีมติการขึ้นค่าไฟ 2 คำถาม คือ 1.ข้อมูลจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ราคาก๊าซที่ปากหลุมในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ กกพ.กลับคาดการณ์ให้มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยอ้างว่าตามรอบการปรับราคาตามสัญญา ขณะที่ราคาก๊าซทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งราคาก๊าซจากพม่าด้วย และทำไมค่าเอฟทีไฟฟ้างวดหน้าจึงเพิ่มขึ้นถึง 12.52 สตางค์/หน่วย และ 2.ทำไมค่าผ่านท่อบวกค่าดำเนินการที่ทาง บมจ. ปตท. ขายให้ กฟผ.เดือนกุมภาพันธ์ 2560 จึงสูงถึงร้อยละ 36 ขณะที่ปกติอยู่ระหว่างร้อยละ18-26
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า คัดค้านมติการขึ้นค่าไฟฟ้าของ กกพ. เพราะเห็นว่าทาง กกพ.มีเหตุผลไม่เพียงพอในการปรับขึ้นค่าไฟและไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค รวมทั้งเรียกร้องให้มีการทบทวนมติดังกล่าว ซึ่งหากราคาก๊าซเพิ่มขึ้นจริงตามที่ กกพ.คาดการณ์ค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นไม่ควรเกิน 5 สตางค์/หน่วย.-สำนักข่าวไทย