มูลนิธิเพื่อผู้บริโภควิตกเยาวชนจำนวนมากถูกหลอกลวงทำธุรกรรมการเงิน

21 ก.ค. – มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แฉเหตุน่าวิตกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี จำนวนมากถูกหลอกลวงทำธุรกรรมการเงิน ส่วนด้านอสังหาริมทรัพย์ คดี ออล อินสไปร์ สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล


มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยรวมเรื่องร้องเรียนช่วง 6 เดือนแรกของปี ภัยการเงินทางออนไลน์วิกฤตสุดเพราะเป็นเยาวชนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัว ทำพ่อแม่เสี่ยงติดคุก วอนครอบครัวอย่าปล่อยเยาวชนทำธุรกรรมเพียงลำพัง นอกจากนี้ปัญหาคอนโดสร้างไม่เสร็จยังสุดช้ำ บริษัทเดิมโกงแล้วโกงอีก ด้วยนอมินีไม่ซ้ำหน้า วอนคนไทย ตัดสินใจซื้อเมื่อโครงการเสร็จ เพราะหากถูกโกงแล้ว ยากจะได้คืน

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์ ที่ทำงานคุ้มครองผู้บริโภคมานานกว่า 30 ปี พบว่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้นยังคงเป็นเรื่องเดิมถึงแม้ได้รับการแก้ไขแต่ก็มีเหตุวนกลับมาอย่างไม่มีวันจบสิ้น โดยเฉพาะการถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงในหลากหลายรูปแบบ บางคนสูญเงินถึงขั้นหมดตัว หรือแม้แต่ปัญหาด้านสินค้าและบริการก็เช่นกัน ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ ได้รับสินค้าชำรุดบกพร่อง-ไม่ตรงปก รวมถึงปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ผู้ขายทิ้งงาน หรือเข้าข่ายมีเจตนาโกง


นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค กล่าวว่า ภาพรวมการทำงานรับเรื่องร้องเรียนของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีประเด็นที่น่าวิตกอย่างมาก นั่นคือ เยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี จำนวนมากถูกหลอกลวงทำธุรกรรมด้านการเงิน ยกตัวอย่างจากที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิฯ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียน เช่น นักศึกษาหญิงวัย 19 ปี ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพ หลอกลวงไปเปิดซิมโทรศัพท์มือถือถึง 3 ค่าย ด้วยความที่อยากทำงานหารายได้พิเศษ จึงเปิดเฟซบุ๊ก จนไปเจอ ข้อความ “เงินเดือนหลักหมื่น! เป็นลูกจ้างบูธขายมือถือในห้างฯ รับทั้งแบบประจำและฟรีแลนซ์ ต้องการจำนวนมาก อายุ 18 ปีขึ้นไป สนใจติดต่อทางข้อความ Messenger” เป็นเพจเฟซบุ๊กหางานที่ไม่บอกตัวตนคนโพสต์ แต่ผู้เสียหายไม่ทันฉุกคิด จึงทักไปถาม ขั้นตอนการสมัคร ทางแก๊งมิจฉาชีพจึงหลอกเหยื่อว่า จะพาไปลงทะเบียนซิมกับค่ายมือถือเพื่อยืนยันตัวตน ถึงจะพิจารณารับเป็นพนักงาน เมื่อไปถึงศูนย์บริการมือถือ เจ้าหน้าที่ขอแค่บัตรประชาชนเด็กนำไปเปิดซิมจนเสร็จสิ้นทั้ง 3 ค่าย ส่วนซิมกลายเป็นว่ามิจฉาชีพที่มาด้วยเก็บไว้เอง จากนั้นต่างคนต่างแยกย้าย โดยที่เด็กไม่รู้ตัวตนมิจฉาชีพรายนี้แม้แต่นิดเดียว มารู้ตัวว่าโดนหลอกเมื่อใบแจ้งหนี้ 3 ค่ายมือถือ รวมกว่า 20,000 บาทส่งถึงบ้าน เป็นยอดบิลที่เริ่มทำสัญญาเดือนเมษายน จนถึงเดือนมิถุนายน 2566 จากเหตุนี้ มีข้อสังเกตคือ มิจฉาชีพใช้วิธีวนหลอกเหยื่อให้เปิดซิมเพื่อเอามาใช้ฟรี พอครบ 3 เดือน ที่ไม่ได้จ่ายค่าบริการผู้ที่มีชื่อเปิดซิมจะถูกตัดสัญญาณอัตโนมัติ ส่วนยอดค่าใช้จ่ายจะตกเป็นของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อ

อีกเหตุการณ์ที่เกิดกับนักศึกษาหญิงวัย 17 ปี รายหนึ่ง ได้รับการชักชวน จาก UP LINE ของบริษัทขายตรงมีการชี้ชวนขายฝัน จะได้เม็ดเงินมหาศาลจากงานนี้ ด้วยความที่อยากหารายได้จึงสมัครสมาชิก แต่สินค้าที่ถูกชักนำให้ขายมีราคาหลักหมื่น จึงไปกู้เงินจำนวน 15,000 บาท จากเพื่อนๆ ถึง 40 คน ที่ร่วมกันลงขันซึ่งคิดดอกเบี้ยถึงร้อยละ 10 แต่สุดท้ายขายสินค้าไม่ได้ ทำให้ติดหนี้เพื่อน จนคุณพ่อมารู้ภายหลังเพราะได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหนี้ จึงต้องเร่งไปปิดหนี้พบว่ายอดรวมเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 40,000 บาท แต่ที่ตกใจยิ่งกว่า เมื่อลูกสาวยอมรับว่า ถูกเพื่อนชวนให้เล่นพนันออนไลน์ให้เอาเงินมาจ่ายหนี้ เจอเว็บพนันกินเงินอีก 10,000 บาท สรุปงานนี้ลูกสาวเจอค่าวิชาชีวิตจากธุรกิจขายตรง รวมเบ็ดเสร็จ 50,000 บาท ยังดีที่พ่อตัดวงจรความเสียหายได้ทัน พร้อมเรียกร้องให้บริษัทขายตรงรายนั้นอย่าเอาเด็กเป็นเครื่องมือทำธุรกิจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นกระทำการเกินกฎหมายกำหนด ที่ห้ามเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ซื้อสินค้าราคาแพงด้วยเงินผ่อนโดยที่พ่อ-แม่-ผู้ปกครองไม่อนุญาต แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาว่าไม่ใช่หน้าที่ต้องมาดูแล มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้รับการร้องเรียนเรื่องนี้จากคุณพ่อของผู้เสียหายที่เป็นทนายความ เพื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงเตือนภัย เพราะการไปยื่นฟ้องกับบริษัทขายตรงจะจบความเสียหายที่แค่ 1 คน แต่เพราะเหตุการณ์แบบนี้ได้รับรู้ข้อมูลมาว่า มีเยาวชนติดกับดักธุรกิจขายตรงที่หลอกขายฝัน จนบางคนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เล่นการพนัน ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือบางคนถึงขั้นยอมขายตัว

จากปัญหาภัยการเงินที่เกิดกับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงมีข้อเสนอให้ กสทช. ต้องกำกับดูแลให้โอเปอเรเตอร์ต้องควบคุมการซื้อซิมและโทรศัพท์ของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ส่วน สคบ.ควรมีมาตรการตรวจสอบ และให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงมีจรรยาบรรณในการทำธุรกิจ โดยไม่ทำธุรกิจกับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี


นายธนัช ธรรมิสกุล หัวหน้าฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ส่วนข้อร้องเรียนด้านอสังหาริมทรัพย์คดีออล อินสไปร์ ถือว่าสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคเพราะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล เหตุการณ์นี้มีผู้เสียหายหลายร้อยคน ที่ซื้อคอนโดมิเนียมจาก 5 โครงการทั่วกรุงเทพฯ ที่ก่อสร้างโดย บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อกลางปี 2565 ที่ผู้บริโภคพากันโพสต์แฉ “คอนโดฯ 4 ปี มีแต่โครง จ่ายเงินไปแล้วแต่สร้างไม่เสร็จ” มีผู้เสียหายมาร้องเรียนกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ถึงแม้ทำหนังสือแจ้งอีกฝ่ายมาเจรจากลับได้แต่ความเพิกเฉย และแม้ว่ามีมาตรการกดดันบุกไปถึงบริษัท ก็ได้แค่รับปากยอมทำสัญญาจ่ายหนี้เป็นรายเดือน ตั้งแต่ 1-12 เดือน สูงสุด 12 เดือน ตามเงื่อนไขของแต่คน แต่สุดท้ายจ่ายแค่งวดเดียว จากนั้นย้ายสำนักงานใหญ่หนี โดยไม่ยอมแจ้งให้เจ้าหนี้รับรู้ ที่สำคัญยังขายโครงการที่ลาซาลได้เงินไปเกือบ 500 ล้านบาท แต่กลับไม่ยอมชำระหนี้ จนสุดท้ายผู้เสียหาย จำนวน 32 ราย มูลค่าเสียหายรวมกว่า 11 ล้านบาท จึงพากันยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 20 ก.ค.66 ที่ผ่านมา เพื่อเรียกเงินคืนทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยและเชิงลงโทษ ทั้งนี้ จากประมาณการความเสียหายในภาพรวมของ 5 โครงการคอนโดมิเนียม ออล อินสไปร์ เกือบพันล้านบาท เพราะมีผู้เสียหายมาร้องเรียนที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กว่า 100 คน นอกจากผู้เสียหาย 32 ราย ที่ฟ้องศาลลอตแรกยังมีผู้เสียหายลอต 2 ที่เตรียมยื่นฟ้องศาล ซึ่งมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอยู่ระหว่างดำเนินการ ล่าสุดยังได้รับการประสานจากชาวจีนที่เป็นผู้เสียหายจากคอนโดฯ ออล อินสไปร์ มาร้องขอความช่วยเหลือ สำหรับผู้เสียหายจากโครงการ ออล อินสไปร์ สามารถเข้ามาร้องเรียนเพิ่มเติมได้

จากเหตุนี้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องบังคับให้บริษัทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีระบบการทำสัญญาคุ้มครองผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.การดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ.2551 (Escrow Law) รวมถึงขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือหน่วยงาน, สมาคมฯ เป็นตัวแทนควบคุมดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง มิถุนายน 2566 ฝ่ายพิทักษ์สิทธิฯ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียน พบผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อเนื่องรวม 894 เรื่อง เรื่องร้องเรียนสูงสุด 3 ลำดับแรกคือ 1.สินค้าและบริการทั่วไป 319 เรื่อง 2.การเงินการธนาคาร/ประกัน 135 เรื่อง 3.บริการขนส่งและยานพาหนะ 83 เรื่อง มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 744 เรื่อง และกำลังดำเนินการ 150 เรื่อง การเข้าช่วยเหลือมูลนิธิฯ ดำเนินการหลายรูปแบบ ทั้งประสานผู้จัดคอนเสิร์ต Mark Tuan เปิดระบบคืนเงินให้กลุ่มผู้ร้องเรียน เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้บริษัทประกันชดเชยเงินเพิ่มให้ผู้เสียหายจาก 50,000 บาท เป็น 130,000 บาท เป็นอุบัติเหตุรถ และไกล่เกลี่ยให้ “บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)” ชดเชยค่าน้ำประปาให้ลูกบ้านจำนวน 13,000 บาท จากเหตุท่อประปาแตกเพราะปัญหาโครงสร้างบ้าน และไกล่เกลี่ยให้บริษัทเนอร์สเซอรี่ อิชิ นิ ซัน จำกัด คืนเงินให้ผู้รับการบริการ 89,000 บาท จากการจัดส่งพี่เลี้ยงที่ไม่ได้คุณภาพตามสัญญา รวมถึงการการฟ้องคดีให้ผู้เสียหายรวม 32 คน จากกรณีสร้างคอนโดไม่แล้วเสร็จในวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา

ส่วนปัญหาอสังหาริมทรัพย์ มีสภาพไม่แตกต่างกัน ได้รับการร้องเรียน ทั้งปัญหาอาคารชุดที่ชำรุดบกพร่อง การสร้างก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ผิดกฎหมาย ผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน สร้างไม่เสร็จตามสัญญา นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านบริการสาธารณะและยานพาหนะ เช่น ผู้บริโภครถโดยสารสาธารณะประสบอุบัติเหตุไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาผู้บริโภคหลากหลายด้าน ฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ซึ่งเป็นหน่วยงานภายในมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ดำเนินการรับเรื่องร้องเรียนและการแก้ไขปัญหาของผู้บริโภคให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิอันพึงมีพึงได้ของตนเอง ทำหน้าที่ให้ข้อมูล คำแนะนำ วิธีการ แนวทางในการแก้ไขปัญหา การให้ความช่วยเหลือสนับสนุนให้ผู้บริโภคที่มีปัญหาลักษณะเดียวกันรวมกลุ่มกันเพื่อเรียกร้องสิทธิ การเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้ประกอบการ และการสนับสนุนการฟ้องคดีของผู้บริโภค ตลอดจนการฟ้องคดีสาธารณะเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรกของปี ได้รับเรื่องร้องเรียน 894 เรื่อง มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 744 เรื่อง ดำเนินการสำเร็จมากกว่าร้อยละ 83 นอกจากนี้ นางสาวณัฐวดี เต็งพานิชกุล นักกฎหมาย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค รายงานต่อว่า นอกจากการทำงานดังกล่าว ในปี 2566 นี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้เริ่มทำงานในฐานะศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม โดยได้ดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยเรียกร้องค่าเสียหายให้กับผู้บริโภคที่จ่ายเงินค่าสมัครวิ่ง กรณีวิ่งเทรลเกาะช้าง โดยผู้บริโภคและผู้จัดงานวิ่งสามารถมีข้อตกลงร่วมกันได้

สำหรับผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ สามารถปรึกษาและร้องเรียนได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 4/2 ซอยวัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ติดต่อร้องทุกข์(ศูนย์พิทักษ์สิทธิ) โทร 02-248-3737, 089-788-9152 หรือ complaint@consumerthai.org

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]

กองทัพสั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ชายแดนไทย-กัมพูชา

23 มิ.ย.- “กองทัพ” สั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยกเว้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-นักเรียน วันที่ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.10 น. กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด – ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารทหารกัมพูชามีการรุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงยังปรากฎการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scamซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง กองทัพภาคที่ 1ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย – […]

นายกฯ ขีดเส้น 3 เดือนเห็นผล แก้อาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ นำแถลงไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้มการเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดนักพนันบินไปเสียมราฐ จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้านทหาร-ตำรวจ จับมือ ปปง. คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือนสถิติแจ้งความต้องลดลง ไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมอาสาเป็นเจ้าภาพร่วมมือนานาชาติ ขณะ “นายกฯ” สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดบินเล่นพนัน – จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหารตำรวจ จับ มือ ปปง.คว่ำบาตร กระบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือน เห็นผล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ […]

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]